ข่าวปลอม!!!ไปรษณีย์ไทย ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคล เพื่อปิดคดีฝากส่งสิ่งของผิดกฎหมาย

วันที่ 14 ม.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูล เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ไปรษณีย์ไทย ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคล เพื่อปิดคดีฝากส่งสิ่งของผิดกฎหมาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีพนักงานไปรษณีย์ไทย ติดต่อหาลูกค้าเพื่อแจ้งว่าสิ่งของที่ผู้ใช้บริการฝากส่งเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย เช่น สารเสพติดชนิดต่างๆ เอกสารประจำตัว พาสปอร์ต สำเนาบัตรประชาชน สมุดบัญชี ซึ่งมีการโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้โอนเงินค่าดำเนินการเข้าบัญชีส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้มีคดีความตามกฎหมาย ทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และชี้แจงว่า เป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย และใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ใกล้เคียงกับหมายเลขโทรศัพท์จริงของไปรษณีย์ไทย ซึ่งไปรษณีย์ไทย ไม่มีนโยบายโทรติดต่อผู้ใช้บริการเพื่อแจ้งปัญหา หรือเรียกเก็บค่าดำเนินการต่างๆ แต่อย่างใด
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว มีข้อสังเกตสำคัญคือ มิจฉาชีพจะไม่มีข้อมูลในการส่งพัสดุ เช่น ชื่อ ที่อยู่ผู้ส่ง ผู้รับ หมายเลขติดตามพัสดุ และให้โอนเงินค่าดำเนินการไปยังบัญชีส่วนบุคคล ซึ่งไปรษณีย์ไทย ไม่มีการให้ผู้ใช้บริการโอนเงินไปยังบัญชีส่วนบุคคลอย่างแน่นอน

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือหลงเชื่อโอนเงินเป็นอันขาด โดยหากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูล หรือติดตามสถานะพัสดุ และรับข้อมูลข่าวสารจาก บริษัท ไปรษณีย์ไทย สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.thailandpost.co.th หรือโทร. 1545

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไปรษณีย์ไทย ไม่มีนโยบายโทรติดต่อผู้ใช้บริการเพื่อแจ้งปัญหา หรือเรียกเก็บค่าดำเนินการต่างๆ และให้โอนเงินค่าดำเนินการไปยังบัญชีส่วนบุคคลแต่อย่างใด

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น