เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองแพร่ ได้มีการนัดประชุมส่วนราชการและคณะบริหารเทศบาล สมาชิก โดยมี นายโชคชัย พนมขวัญ เป็นประธานในการประชุม โดยนายโชคชัย ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา และข้าราชการในสังกัดเทศบาลเมืองแพร่ ที่ได้ให้ความร่วมมือ และทำงานด้วยกันอย่างมีความสุข
การประชุมในครั้งนี้ แหล่งข่าวเผยว่า เป็นการประชุมเพื่ออำลาตำแหน่งของนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ หลังจากที่มหาดไทย มีคำสั่งให้ยุติการปฎิบัติหน้าที่ หลังจากที่มีหนังสือจากมหาดไทยด่วน ลงวันที่ 10 มกราคม 2565 เรื่องคำสั่งมหาดไทยให้นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันได้รับคำสั่ง โดยมหาดไทยได้อาศัย พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 73 ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่า นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล หรือรองประธานสภาเทศบาล ปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติ ในทางจะนามาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ศรีและตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ให้เสนอความเห็นต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยหลักฐานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอาจใช้ดุลพินิจ สั่งให้นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี ประธานสภาเทศบาล หรือรองประธานสภาเทศบาลพ้นจาก ตำแหน่งก็ได้ คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เป็นที่สุด
ดังนั้นทางกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้ว และมีคำสั่ง ให้นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ พ้นจากตำแหน่งทันทีหลังจากที่ได้รับคำสั่ง และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน และคำสั่งของรัฐมนตรีมหาดไทย ให้เป็นที่สิ้นสุด
ในขณะที่ นายโชคชัย พนมขวัญ ก็ได้ลงข้อความในเฟสส่วนตัว ชื่อ ช้าง หลวง ว่า กราบเรียนพี่น้องทุกท่านทราบครับ
ตามที่ผมได้ถูกเพิกถอนจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ มีสาเหตุเกิดจากเรื่องใด
- สืบเนื่องจากกรณีที่ผมได้ถูก ปปช. ชี้มูลเรื่องการลดภาษีโรงแรมฯ ซึ่งศาลอาญาฯ ได้ตัดสินแล้วว่าผมกระทำอย่างถูกต้อง ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับโรงแรมเครือญาติ แต่ลดให้กับทุกโรงแรม
- เรื่องการชะลอการจัดเก็บค่าจอดรถ ซึ่งผมเห็นว่าไม่คุ้มค่าและเป็นการ สร้างภาระให้กับประชาชน จึงได้ชะลอการจัดเก็บ เพื่อทดลองว่าถ้าไม่มีพนักงานมายืนอำนวยความสะดวก จะเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่
โดยไม่ได้ขออนุมัติจากสภาฯ ก่อน เป็นการทดลองปฏิบัติ ในฐานะนายกเทศมนตรี เมื่อเห็นว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ได้นำเสนอสภาฯ แต่ทางสภาฯ ไม่เห็นชอบด้วย จึงได้มาเก็บใหม่ ศาลฯ ได้ตัดสินว่าผมทำถูกต้องแล้ว เป็นการรักษาผลประโยชน์ของเทศบาล แม้กระทั่ง คสช. ที่เคยใช้ ม.44 สั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ ได้สั่งให้ผมกลับมาทำหน้าที่ต่อ แต่กระทรวงมหาดไทย ยังเห็นว่าในเรื่องระเบียบวินัยยังไม่ถูกต้อง จึงได้สั่งให้ผมออกจากตำแหน่งไปก่อน และให้นำเรื่องไปสู่ศาลปกครอง ดังนั้นในเรื่องความผิดทางอาญาหรือการทุจริตของผมจึงไม่มี คงเหลือในเรื่องของการใช้ดุลยพินิจของผม ที่จะต้องชี้ให้ศาลเห็นว่า ผมไม่ได้ทำผิดระเบียบ และกฎหมาย
โดยส่วนตัวผมยังรับใช้พี่น้องประชาชน ตามแนวทางที่พ่อผมได้ทำไว้ มีสิ่งใดที่ผมพอจะมีประโยชน์กรุณาอย่าได้เกรงใจครับ ขอบคุณในความมีเมตตาจากทุกๆ ท่านมาโดยตลอด โดยมีคนเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก
ร่วมแสดงความคิดเห็น