สสจ.เชียงใหม่ แจ้งเตือนภัย “อย่ากินไส้กรอก ไม่มียี่ห้อ ไม่มี อย. ไม่มีฉลากระบุหรือผู้ผลิต

จากข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ระบุสัปดาห์ที่ผ่านมา พบมีเด็กป่วยด้วยภาวะเมทฮีโมโกลบิน (Methemoglobin) จำนวน 6 ราย ใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ 2 ราย, เพชรบุรี 1 ราย, สระบุรี 1 ราย, ตรัง 1 ราย และกาญจนบุรี 1 ราย โดยทั้ง 6 ราย มีประวัติกินไส้กรอกซึ่งไม่มียี่ห้อ ไม่มี อย. ไม่มีฉลากระบุที่มา หรือผู้ผลิต
ภาวะ Methemoglobin เป็นภาวะที่ทำให้เม็ดเลือดแดงถูกออกซิไดช์ โดยสารออกซิแดนท์ต่างๆ กลายเป็น methemoglobin ทำให้สูญเสียความสามารถในการขนส่งออกซิเจน และสีของเม็ดเลือดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ ในเด็กจะไวต่อสารออกซิแดนท์มากกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้เกิดอาการได้ชัดเจน ผู้ป่วยจะมีอาการของการขาดออกซิเจน เช่น มึนศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หายใจเร็ว ปาก ลิ้น นิ้วมือ หรืออวัยวะอื่นๆ มีสีเขียว หากรุนแรงจะมีอาการหอบเหนื่อยมาก เลือดเป็นกรด ความดันโลหิตต่ำและเสียชีวิตได้


โดยสารออกซิแดนท์ ที่อาจมีการเติมในไส้กรอกหรืออาหารแปรรูป คือสารตระกูลไนเตรท และไนไตรท ซึ่งเป็นวัตถุกันเสีย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 418 (พ.ศ. 2563) ได้กำหนดปริมาณที่อนุญาตให้ใช้ไนไตรทในอาหาร ประเภทผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์บดทำให้สุกโดยใช้ความร้อน ได้ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนไนเตรต ห้ามมิให้มีการใส่ ดังนั้นในการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน โรงงานผลิตไม่มีอย. จึงอาจมีการเติมไนไตรท เยอะกว่าปกติ หรืออาจผสมไม่ดีทำให้มีบางส่วนมีปริมาณสารสูงเกินกว่าที่ควรได้ และอาจมีการเติมสารไนเตรต ซึ่งเป็นสารห้ามใส่


นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แนะนำเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอาการดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนประชาชน โปรดระมัดระวังในการบริโภคไส้กรอก โดยมีวิธีดูง่ายๆ ดังนี้
1. สีของไส้กรอกต้องเป็นสีตามธรรมชาติ ไม่แดงจนเกินไป
2. บรรจุภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มีการระบุชื่ออาหารเลขสารบบอาหาร (เลขอย.) วันที่หมดอายุ รวมถึงสถานที่ผลิตที่ชัดเจน
3. ไส้กรอกเป็นอาหารที่ต้องอยู่ในความเย็น
ดังนั้น เมื่อเลือกซื้ออาหารต้องอยู่ในตู้แช่ หรือน้ำแข็งเพื่อรักษาอุณหภูมิ รวมถึงการเลือกซื้อไส้กรอกแบบปรุงสำเร็จ ควรสอบถามยี่ห้อและแหล่งที่มาจากแม่ค้าพ่อค้าเพื่อความมั่นใจ และหากมีอาการผิดปกติ เกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารใดๆ ควรรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลโดยด่วน

ร่วมแสดงความคิดเห็น