ข่าวจริง!!! ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สั่งห้ามพกหน้ากากอนามัยเกิน 30 ชิ้น ออกนอกประเทศ

วันที่ 5 ก.พ. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการนำเสนอข่าวประเด็นเรื่อง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สั่งห้ามพกหน้ากากอนามัยเกิน 30 ชิ้น ออกนอกประเทศ ทางศูนย์ต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ทางคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศ กกร. ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2565 เรื่อง การควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งหน้ากากอนามัย ลงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565 กำหนดห้ามมิให้บุคคลใดส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งหน้ากากอนามัย เว้นแต่จะได้รับหนังสืออนุญาตจากเลขาธิการ ทั้งนี้มิให้ใช้บังคับแก่บุคคลที่นำหน้ากากอนามัยติดตัวไปใช้นอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จำนวนไม่เกิน 30 ชิ้นต่อครั้ง เว้นแต่กรณีมีใบรับรองแพทย์แสดงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้ ให้นำติดตัวได้ไม่เกินจำนวน 50 ชิ้นต่อครั้ง
อย่างไรก็ตามหากมีผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542

ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารจากกรมการค้าภายใน เพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.dit.go.th หรือโทรสายด่วน 1569

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สั่งห้ามพกหน้ากากอนามัยเกิน 30 ชิ้น เว้นแต่กรณีมีใบรับรองแพทย์แสดงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้ ให้นำติดตัวได้ไม่เกินจำนวน 50 ชิ้นต่อครั้ง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น