ผบ.ปส.เปิดปฎิบัติการขุดรากถอนโคนยาเสพติดผู้มีอิทธิพลในเชียงใหม่

ยึดทรัพย์ (1)

เวลา 11.00น.วันที่ 24 มี.ค.59 ที่สำนักงานบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณพื้นที่ศูนย์ราชการ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส. ร่วมกับ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีรสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 และพล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.จว.เชียงใหม่ ได้นำกำลังบูรณาการความร่วมมือระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. , เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.5 , ตชด.ภาค3 กองบินตำรวจ (เชียงใหม่) , เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.33 , เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.ผาเมือง , ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก , กองบิน 41 , เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. , กรมสอบสวนดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ D.E.A จากสหรัฐอเมริกา รวมกว่า 150 นาย ในการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายขบวนการค้ายาเสพติด เครือข่ายหมื่นจะดา รวมทั้งผู้มีอิทธิพล และผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้อง รวม 14 เป้าหมายหลัก ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสามารถยึดอายัดทรัพย์สิน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และบ้านพร้อมที่ดิน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

ยึดทรัพย์ (2)

ทั้งนี้ทาง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส. เปิดเผยว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุด โดยผู้นำได้แก่ นายวีระ หมื่นจะดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเขยของ พ.อ.จะลอโบ่ ผู้นำกองกำลังชนกลุ่มน้อยว้า บริเวณชายแดนไทยเมียนมาร์ ที่ผ่านมามีการลำเลียงยาเสพติดยาบ้า เข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศไทยที่ตรวจยึดได้จำนวนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเม็ด โดยมีเครือข่ายอยู่จำนวนมาก สามารถโยงไปถึงผู้ค้ายา ในพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งในพื้นที่ภาคใต้ จึงเป็นเป้าหมายสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องมีการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติด และปราบปรามผู้มีอิทธิพล ขณะที่ นายวีระ หมื่นจะดา นั้นเป็นคนไทยที่มีประวัติค้ายาเสพติดอย่างโชกโชน กระทั่งได้ไปคลุกคลีกับกลุ่มผ้ค้ายาเสพติดแถบชายแดน กระทั่งได้แต่งงานกับ น.ส.นาแส ซึ่งเป็นลูกสาว ของ พ.อ.จะลอโบ่ ผ้นำกองกำลังว้าที่มีอิทธิพลมากในแถบชายแดน ทำให้ได้รับความเคารพนับถือจากกลุ่มขบวนการค้ายาแถบชายแดน และสามารถตั้งตนขึ้นเป็นหนึ่งในผู้บงการลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งจากการปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดครั้งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบตัวขบวนการค้ายาที่เกี่ยวข้องกับนายวีระ และสามารถจับกุมน้องชายของนายวีระเอาไว้ได้ โดยปัจจุบันนายวีระ หลบหนีได้พักอาศัยอยู่กับภรรยา ในชายแดนประเทศเมียนมาร์

ยึดทรัพย์ (3)

ทางด้าน พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเผยว่า เครือข่ายของนายวีระ หมื่นจะดา ลูกเขยของพันเอกจะลอโบ่ ผู้นำกองกำลังชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นเครือข่ายาเสพติดรายใหญ่ที่มีหมายจับจากประเทศไทย แต่เข้าไปอาศัยพื้นที่ของกองกำลังชนกลุ่มน้อย และมีพฤติกรรมชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อชายยาเสพติด เหมือนผู้จัดการฝ่ายขายของเครือข่ายยาเสพติดนี้ จึงเป็นตัวการหลักสำคัญที่ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาประเทศไทย ทั้งนี้เส้นทางการลำเลียงยาเสพติดในปัจจุบัน

ขณะที่เส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจากที่เคยมีการเก็บเงินสดของไทยซุกซ่อนไว้ หลังจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการปล่อยข่าวเรื่องของการจะยกเลิกธนบัตรไทยแบบเก่า ทำให้เครือข่ายยาเสพติดแตกตื่นเนื่องจากเงินที่เก็บซุกซ่อนไว้จะไม่มีมูลค่าหรือหมดอายุไปจึงได้มีการยักย้ายถ่ายเทมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ และเปิดธุรกิจบังหน้าในพื้นที่ภาคเหนือ และประเทศไทย ทรัพย์สินส่วนใหญ่ทั้งบ้าน ที่ดิน และของมีค่า ที่ได้มาจากเงินยาเสพติดจึงมากขึ้น จึงพบว่าสามารถติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้เพิ่มมากขึ้น และด้วยความสำเร็จของการร่วมมือในโครงการแม่โขงปลอดภัย หรือเซฟแม่โขงปัจจุบันมี 6 ประเทศความร่วมมือ ทั้งไทย จีน พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ประสบความสำเร็จในการปรายปรามยาเสพติด และกดดันขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ยิ่งทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดทำได้ยากขึ้นแต่ก็ต้องแสดงหาเส้นทางปัจจุบันพบว่า ประเทศจีนกลายเป็นอีก 1 เป้าหมาย ในการกระจายยาเสพติดไปยังกลุ่มผู้เสพมากขึ้น และกลายเป็นตลาดใหญ่จึงต้องมีการขยายความร่วมมือกับหลายประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด

ยึดทรัพย์ (4)

ในส่วนของเครือข่าย นายวีระ หมื่นจะดา ลูกเขยของพันเอกจะลอโบ่ นั้น แม้ว่า พันเอกจะลอโบ่จะออกมาแถลงชี้แจงผ่านช่องทางต่างๆ ว่าตนเอง ดูแลพื้นที่ของชนกลุ่มน้อยไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า ทางการไทยเองไม่เคยพูดว่า พันเอกจะลอโบ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเป็นผู้ผลิต และผู้ค้า แต่ด้วยความเกี่ยวข้องกับนายวีระ ลูกเขย และเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ปกครอง จึงอยากขอร้องให้พันเอกจะลอโบ่ ช่วยจับกุมนายวีระ ลูกเขย มาส่งให้กับทางการไทย ซึ่งมีหมายจับ และมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเป็นสิ่งยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง

ขณะเดียวกัน เมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจรถไฟ และตำรวจ ปส. สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติเป็นชาวมาเลเซีย ที่ลักลอบขนไอซ์ รวมกว่า 100 กิโลกรัมไปทางรถไฟขณะนี้กำลังขยายผลและเตรียมแถลงข่าว ว่า ต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดไปทางรถไฟเนื่องจากกำลังตำรวจรถไฟมีน้อยอาจจะต้องขอเพิ่มตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ ปส.เข้าไปช่วยดูแล เพราะเห็นว่ามีการใช้เส้นทางนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด และสิ่งผิดกฏหมายมากขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น