พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นสมัยที่ 16 ติดต่อกัน ด้วยมติจากสโมสรสมาชิกเห็นเอกฉันท์ 26 เสียง จาก 27 สโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์ออกเสียง ซึ่ง 1 เสียงที่ไม่ได้ลงคะแนนในครั้งนี้ คือสโมสร ปตท.เคมีคอล ที่ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วมประชุม
“บิ๊กจา” พลตรี จารึก อารีราชการัณย์ ไร้คู่แข่ง สโมสรสมาชิก 26 สโมสร ยกมือโหวตเอกฉันท์ นั่งแทนประมุขสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นสมัยที่ 16 ติดต่อกัน ขณะเดียวกัน “บิ๊กจา” ยังเปรยอาจอยู่ไม่ครบวาระ 4 ปี เหตุมีภารกิจอื่นต้องทำอีกมากมาย พร้อมเล็งคนในสมาคมฯ ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาเข้ามาสานงานต่อตำแหน่งนายก และทำหน้าที่ในสหพันธ์ตะกร้อโลก และเอเชีย อีกด้วย
พลตรี จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2559 สมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ และผู้แทนของสโมสรสมาชิก 26 สโมสร จาก 27 สโมสร เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ที่ ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยวาระสำคัญคือการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ หลังจากคณะกรรมการบริหารชุดเก่าหมดวาระลง
ในการประชุมก่อนการเลือกตั้งทางสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ได้มีการสรุปผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาร่วมการแถลงงบดุลรายรับ-ร่ายจ่ายของสมาคมฯ เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2558 โดยมีรายได้ 51,335,943.73 บาท รายจ่าย 70,281,415.59 บาท สรุปมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ปีนี้ 18,945,471.86 บาท และเมื่อหักจากรายได้สะสมปีก่อน 41,130,983.61 บาท ทำให้สมาคมตะกร้อฯ มีรายได้สูงกว่ารายจ่ายสะสม 22.185.511.75 บาท นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนมูลนิธิตะกร้อแห่งประเทศไทย เพิ่มอีก 15 ล้านบาท เพื่อแต่งเติมศูนย์ฝึกตะกร้อให้เสร็จสมบูรณ์
จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ ดร.เฉลิม ชัยวัชราภรณ์ อุปนายกสมาคมทำหน้าที่ประธานการเลือกตั้ง จากนั้นเปิดโอกาสให้สโมสรสมาชิกเสนอชื่อผู้ลงชิงตำแหน่ง โดยนาย ร.ต. สมพร แสนยบุตร ผู้แทนจากสโมสรกองทัพบก ได้เสนอชื่อ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ และไม่มีการเสนอชื่อคนอื่น และผู้แทนสโมสรสมาชิก 26 สโมสรจาก 27 สโมสร ได้ยกมือลงคะแนนเสียงให้ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นเอกฉันท์ พร้อมกับดำรงตำแหน่งนายกสมาคมตะกร้อฯ เป็นสมัยที่ 16 ติดต่อกัน ซึ่งจากผลดังกล่าวนั้นทำให้ พลตรี จารึก จะดำรงตำแหน่ง ประมุขสมาคมกีฬาตะกร้อฯ ในวาระ 4 ปี ในระหว่าง พ.ศ.2559-2563
พล.ต.จารึก กล่าวว่า ตลอด 30 กว่าปีที่บริหารงานสมาคมตะกร้อฯ ต้องบอกว่าตนได้พยายามบริหารงานสมาคมฯ และพัฒนากีฬาตะกร้อของประเทศไทยอย่างเต็มที่มาตลอดจนทำให้เราสามารถโค่น มาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่ปรับตลอดกาล จนก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของวางการตะกร้อโลก จนถึงในปัจจุบันนี้ และทำให้วันนี้ตนยังคงได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิกให้บริหารงานต่ออีกหนึ่งวาระ ซึ่งตนต้องขอบขอบคุณทุกคนที่ยังให้ความไว้วางใจตนในการทำหน้าที่นายกสมาคมฯ อีกสมัย
ประมุขตะกร้อไทย กล่าวว่าอีกว่า ตนคิดว่าในวาระนี้ตนคงจะอยู่ในตำแหน่งไม่ครบวาระ 4 ปีหรอก เนื่องจากในตอนนี้ภาระหน้าที่มากขึ้น และตัวเองก็เริ่มมีอายุมากแล้ว อยากที่จะหาคนใหม่ๆ เข้ามาทำหน้าที่แทน นอกจากนี้ยังอยากผลักดันคนใหม่เข้าไปอยู่ในสหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ และสหพันธ์เซปักตะกร้อแห่งเอเชีย ให้มากขึ้น ที่มองตัวแทนไว้ก็คือคนที่อยู่ในสมาคมและร่วมสู้กันมาตลอด ไม่ใช่คนอื่นแน่นอน
“ส่วนเรื่องที่อยากทำให้สำเร็จ ตอนนี้เรื่องของศูนย์ฝึก ก็ก้าวหน้าไปมาก ในอนาคตจะต้องเป็นศูนย์กลางของการฝึกซ้อมทั้งในระดับเอเชียและระดับโลก นอกจากนี้สิ่งที่จะทำให้สำเร็จ คือการผลักดันเซปักตะกร้อ ให้เป็นกีฬาอาชีพ ต้องวางรากฐานให้สำเร็จ ก่อนที่ตนเองจะวางมือ เพื่อที่คนเข้าสานงานจะได้ไม่มีปัญหาตามมา” พลตรีจารึกกล่าวทิ้งท้าย
ร่วมแสดงความคิดเห็น