เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 6 เม.ย.59 โดยทาง พ.ต.ต.ภัคพล อินดี สารวัตรสอบสวน สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุพบศพคนจมน้ำในหนองน้ำแม่หยวกที่อยู่ติดกับโรงแรมกรีนเลค เชียงใหม่ ถนนเลียบคันคลองชลประทาน ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ หลังทราบเรื่องจึงได้รายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ โดยเมื่อไปถึงพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมใจเชียงใหม่ กำลังนำร่างผู้ตายขึ้นจากหนองน้ำ โดยใกล้กันนั้นมีญาติผู้ตาย และกลุ่มชาวบ้านในระแวกยืนมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบร่างผู้ตายไม่พบร่องรอบของการถูกทำร้ายแต่อย่างใด และทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายอุดม นายหนอม อายุ 35 ปี เป็นชาวเขาวเผ่ามูเซอร์ ที่อยู่เลขที่ 72 ม.18 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าได้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะทำการบันทึกข้อมูลในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพออกจากที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกันจากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้างซึ่งก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันนี้ได้มาดื่มสุรากับเพื่อนอีก 3 คน ที่บริเวณหนองน้ำดังกล่าว ก่อนจะพากันลงเล่นน้ำเพื่อคลายร้อนแต่ผ่านไปไม่นานเพื่อนได้เห็นว่าผู้ตายดำน้ำหายไปนานผิดปกติ และคาดว่าผู้ตายน่าจะจมน้ำจึงได้ช่วยกันพยายามงมหาร่าง กระทั่งเวลาผ่านไปนานเกือบชั่วโมงก็ไม่เจอร่างจึงได้โทรแจ้งญาติผู้ตาย พร้อมทั้งทำการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้าช่วยกันตามหา โดยเมื่อทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงก็ได้ช่วยกันนำอุปกรณ์ดำน้ำช่วยกันลงงมหาอยู่นานหลายชั่วโมงจนกระทั่งเจอร่างผู้ตายในเวลาประมาณ 17.00 น. และได้ช่วยกันนำร่างขึ้นมาได้ในที่สุด โดยเมื่อทางญาติเห็นผู้ตายเสียชีวิตก็ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ก่อนจะได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบและเข้าทำการตรวจสอบในที่สุด
อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะเกิดเป็นตะคริวระหว่างที่ดำน้ำอยู่ประกอบกับก่อนหน้านี้ได้ดื่มสุราแล้วจึงมาลงเล่นน้ำจนกระทั่งจมน้ำเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งภายหลังจากเจอศพทางญาติไม่ได้ติดใจกับสาเหตุการเสียชีวิตแต่อย่างใด โดยเบื้องตนทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยกันนำร่างส่งให้ทางแผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนจะได้ให้ทางญาติผู้ตายมารับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น