ไฟป่าครั้งใหญ่ ลามดอยสุเทพ-ปุย รุมสาปแช่งมือเผา แชร์เหตุระทึกว่อนโซเชียล ผู้ว่าฯ ขอบคุณทีมผจญเพลิง สั่งล้อมคอกหวั่นเหตุซ้ำรอย

1
ขอบคุณภาพจากคุณ Max Kittipong

ข่าวคืบหน้า…ระทึก ไฟป่าลุกลามหนัก เข้าดอยขุนช่างเคี่ยน พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เสียหายเป็นบริเวณกว้าง กินเนื้อกว่า 200 ไร่ คนแตกตื่นแห่แชร์ภาพว่อนโลกโซเชียล เจ้าหน้าที่บูรณาการกำลังหลายหน่วย ใช้เวลาทั้งคืนจึงดับได้ เกิดหมอกควันไฟป่าคลุ้งทั่วเมือง เถ้าถ่านปลิวว่อนตกเต็มบ้านคน แฉสาเหตุคนลอบเผาอีกแล้ว คนรุมสาปแช่ง ด้านผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง พร้อมขอบคุณทีมนักผจญเพลิง หน่วยเสือไฟฯ ที่ร่วมแรงรวมใจกันทำภารกิจสู้ไฟป่าครั้งนี้ พร้อมล้อมคอกสั่งเฝ้าระวังหวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย

เหตุไฟป่าครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 8 พ.ค.59 โดยทางผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีผู้พบเห็นควันจากไฟไหม้ป่า และกำลังลุกลามรุนแรง ภายในดอยขุนช่างเคี่ยน ซึ่งเป็นพื้นที่ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยไฟป่าดังกล่าวได้ลุกลามเป็นวงกว้างจนมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากระยะไกล และกินพื้นที่เป็นแนวยาว ระยะเวลานานตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงช่วงค่ำรวมระยะนานหลายชั่วโมง ซึ่งมีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ไปทั่วสื่อออนไลน์ และโลกโซเชียล จนเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปอย่างมาก ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเข้าระงับเหตุแต่เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นหน้าผาสูงชัน ประกอบกับสภาพพื้นที่แห้งแล้งและอากาศร้อนจัดทำให้การดำเนินการแก้ไขเป็นไปอย่างยากลำบาก และล่าสุดยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ส่วนสาเหตุของการเกิดไฟป่าในพื้นที่ครั้งนี้ คาดว่าน่าจะมาจากมีชาวบ้านเข้าไปหาของป่า และลักลอบเผาจนทำให้ไฟลุกลามและขยายเป็นวงกว้างในเวลารวดเร็ว พื้นที่ได้รับความเสียหายนับร้อยไร่ ซ้ำยังทำให้เกิดหมอกควันไฟป่าคลุมเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง โดยในสื่อออนไลน์มีการโพสต์ข้อความตำหนิ สาปแช่งมือเผาป่าครั้งนี้ด้วย

13151978_1018661944895247_5684014021273515489_n

โดยทาง นายอัมพร ปานมงคล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย รายงานสถานการณ์การเข้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องล่าสุดว่า จากการเกิดเหตุไฟป่าลุกลามหนักในพื้นที่ดอยขุนช่างเคี่ยน ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย ได้ระดมทีมร่วมกับเจ้าหน้าดับไฟป่า ของสถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 50 คน ขึ้นปฏิบัติการเต็มกำลังบริเวณนาไร่หลวง โดยไฟป่านั้นกินวงกลางประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณยอดเขา อยู่ห่างจากวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารประมาณ 1-2 กิโลเมตร โดยเพลิงได้ลุกไหม้ตั้งแต่เวลา 15.00 น. โดยประมาณ ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุว่าต้นเหตุการปะทุจของเพลิงมาจากไหน คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 3 ชั่วโมงจึงจะสามารถหยุดเพลิงไหม้ป่าในครั้งนี้ ขออย่าให้ประชาชนตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่คุมอยู่

2

อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำวันที่ 8 พ.ค.59 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้เกิดไฟป่าเกิดปะทุขึ้นอย่างหนักในบริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงเย็น โดยไฟป่าโหมไหม้จนเปลวเพลิงเป็นสีส้มแดงมองเห็นแต่ไกลในช่วงกลางคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยไฟป่าเชียงใหม่ได้จัดชุดเสือไฟ พร้อมทั้งระดมนำรถน้ำ และอุปกรณ์เข้าสกัด โดยได้มีการตีวงรอบโอบให้ไฟไหม้มาบรรจบกับไม่ให้ลุกลามเข้าไปยังพื้นที่ป่าด้านบน ซึ่งคาดว่าพื้นที่ไฟไหม้ป่าที่ปะทุขึ้นในรอบค่ำนี้กินพื้นที่กว้างกว่าร้อยไร่ และคาดว่าไฟป่าที่ลุกลามในขณะนี้อาจต้องใช้เวลาในการสกัดและดับให้กลับสู่เหตุการณ์ปกตินานหลายชั่วโมงจนอาจถึงช่วงเช้าของอีกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในเวลาต่อมาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันดังกล่าว นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่สถานีไฟป่า อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย และ กำลังพล จากมณฑลทหารบกที่ 33 ที่ช่วยกันทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าขุนช่างเคี่ยน เขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งกำลังลุกลามอย่างหนักตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังและอุปกรณ์เข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง แต่จากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ไฟได้ลุกไหม้ลุกลามเป็นแนวยาวกว่า 3 กิโลเมตร กินเนื้อที่ ประมาณ 200 ไร่

13164420_1018737021554406_8491149869877188196_n

ขณะที่ทางด้าน นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ กล่าวว่า สาเหตุในเบื้องต้น คาดว่าจะเกิดจากการถูกมือดีแกล้งจุดไฟเผาโดยจุดขึ้นพร้อมกัน 4 จุด และเจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังมากพอ ที่จะเข้าดับไฟป่าพร้อมกันทุกจุดได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ได้พยายามอย่างเต็มกำลัง ที่จะระงับไฟป่า ไม่ให้ลุกลามมากขึ้น อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า ไฟจะไม่ลุกลาม เข้าเขตพื้นที่ พระตำหนักภูพิงค์อย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันทำแนวกันไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามเข้าเขตชุมชน โดยในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วน อยู่ในพื้นที่แล้ว 80-90 นาย และในวันรุ่งขึ้นจะมีการระดมกำลังจากพื้นที่ใกล้เคียงเสริมกำลังเข้ามาช่วยดับไฟป่าในครั้งนี้ด้วย อาทิ หน่วยเสือไฟ จากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 2 ชุด ปฏิบัติการและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้อีก 20 นาย ทั้งนี้ยืนยันว่าไฟป่าอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่แต่อาจจะยังไม่สามารถดับได้ทั้งหมด ยังคงมีไฟลุกอยู่ เพราะบางส่วนอยู่ในพื้นที่เขาสูงชัน

ในเวลาต่อมาช่วงกลางดึกเวลาประมาณ 01.00 น. จากการระดมสรรพกำลังของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งหมด ทำให้สามารถดับไฟป่าและควบคุมจัดการไฟป่าลงได้ในที่สุด และได้รับแจ้งจาก ผู้อำนวยการฝนหลวงภาคเหนือว่า ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดย นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบิน ได้สั่งการให้ส่ง เฮลิคอปเตอร์มาสนับสนุนในการดับไฟป่าเพิ่มอีก 1 ลำ พร้อมกันนี้ก็จะมีเฮลิคอปเตอร์ของฝนหลวงบินตามมาสมทบอีก 2 เครื่อง เพื่อมาทำการสนับสนุนการควบคุมไฟป่ามิให้กลับมาติดไฟลุกลาม และจะทำการลาดตระเวนชี้เป้าและสนับสนุนให้หน่วยปฏิบัติการทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศเข้าถึงจุดเกิดไฟป่าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

13177634_1018736968221078_2194934449244777054_n

นอกจากนี้แล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนและชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ เมื่อทราบข่าวต่างระดมให้ความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานโดยได้มีการระดมซื้อน้ำและเครื่องดื่มไปมอบให้กันเป็นจำนวนมากซึ่งทาง นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แสดงความชื่นชมและซาบซึ้ง พร้อมกล่าวขอบคุณพี่น้องชาวเชียงใหม่ในน้ำใจอันงดงาม ที่ขนน้ำดื่มแล้วลำเลียงมามอบให้สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ฝ่าความร้อนอย่างรุนแรงเข้าดับไฟป่าที่ลุกไหม้โหมเผาต้นไม้ในพื้นที่ขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ซึ่งทางกองอำนวยการดับไฟในครั้งนี้เป็นหน่วยรับมอบ และจะแจกจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างทั่วถึง ให้มีขวัญและกำลังใจที่จะสกัดกั้นไฟมิให้ลุกลามเข้าถึงสถานที่และพื้นที่โดยรอบต่อไป ทั้งนี้ หากผู้มีจิตกุศลที่จะมอบน้ำดื่ม สามารถมอบได้ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจดับไฟป่าในพื้นที่ อบต.ช้างเผือก ศูนย์ตั้งอยู่ที่ อบต.ช้างเผือก หลังศูนย์ประชุม หมายเลขโทรศัพท์ 053010734

ขณะที่ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงใหม่ รายงานเหตุไฟป่าครั้งนี้ว่า จากการเกิดไฟป่าครั้งนี้มี 2 จุด คือ จุกแรกเพลิงไหม้ป่าบริเวณหลังค่ายลูกเสือช้างเคี่ยน เพลิงได้ลุกลามมาถึงแนวกันไฟบริเวณหลังค่ายลูกเสือ เพลิงอยู่ในบริเวณวงจำกัด มีรถดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย ทต.สันผีเสื้อ , ทต.หนองหอย , ทต.ท่าศาลา , ทต.สุเทพ , อบต.สุเทพ เข้าควบคุมสถานการณ์ เพื่อป้องกันไฟป่าหากลุกลามผ่านแนวกันไฟมาได้

ส่วนจุดที่สอง เพลิงไหม้ป่าบริเวณสวนพุทธธรรมหนองฮ่อ เพลิงอยู่ในช่วงลุกลาม มีรถดับเพลิง อบต.ช้างเผือก , ทต.ช้างเผือก , ทต.ดอนแก้ว , มณฑลทหารบกที่ 33 สถานีควบคุมไฟป่าเชียงใหม่ , สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 , สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 , ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ , อส.อปพร. , อาสาสมัครมูลนิธิและประชาชนทั่วไป เข้าควบคุมสถานการณ์ในการดับไฟป่า และได้จัดทำแนวกันไฟ พร้อมจัดรถดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์

13177475_1019085578186217_7236551203407472262_n สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ไฟป่าที่ลุกลามได้กลับสู่ภาวะปกติโดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าติดตามอย่างใกล้ชิด โดยได้มีการจัดชุดเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดไฟลุกลามขึ้นอีกครั้ง ส่วนพระตำหนักภูพิงค์ และพระธาตุดอยสุเทพอยู่ห่างจากจุดเกิดไฟป่า ซึ่งมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเฝ้าสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังได้สั่งการให้เพิ่มการตรึงพื้นที่ป้องกันมิให้ไฟกลับมาลุกไหม้อีก ในส่วนพื้นที่ป่าเป็นแนวยาว 3 กิโลเมตร กินเนื้อที่ประมาณ 60-70 ไร่

13147280_1020870607998697_3304592869807864086_o

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะเดียวกันช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ค.59 ความคืบหน้าล่าสุด ไฟป่าที่เกิดขึ้นได้ดับลงแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเข้าระงับและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า จนกระทั่งขณะนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มคลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติ แต่ก็ยังมีควันลอยคลุกรุ่นในพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้อยู่ ขณะเดียวกัน จากการสำรวจพื้นที่ความเสียหายพบว่า มีพื้นที่ที่ถูกไฟป่าไหม้ลุกลามเป็นวงกว้างกินเนื้อที่กว่า 290 ไร่ ส่วนคุณภาพอากาศเช้านี้ในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ พบค่า PM10 อยู่ที่ 86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งยังไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังคงทำการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลามขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ ภายหลังเหตุการณ์สงบลง จากการสำรวจพบว่า หลายจุดที่เกิดไฟป่านั้นยังคงมีควันไฟที่ลอยฟุ้งในอากาศอีกทั้งยังส่งผลให้เกิดเขม่าลอยกระจายไปทั่ว และมีลมที่พัดตามยอดดอยพัดทำให้เขม่าเหล่านี้ถูกพัดกระจายไปทั่ว และทำให้เขม่าลอยไปตกตามบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ที่มีบ้านติดอยู่ใกล้กับจุดที่เกิดไฟป่าเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเหตุการณ์จะกลับสู่ปกติในอีกไม่กี่วันนี้หากไม่เกิดไฟป่าซ้ำรอยอีกครั้ง

13178673_1020870591332032_5101044408136304678_n
ลูกกระรอกที่รอดชีวิต แต่ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น