เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 พ.ค.59 ที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ นายทัศไนย รักประชา บิดาของ นายภูริต หรือ ป๊อบ รักประชา อายุ 25 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เหยื่อที่ถูกยิงผิดตัวเนื่องจากเข้าไปช่วยเพื่อนที่มีเรื่องชกต่อยกัน บริเวณที่จอดรถสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าย่านถนนห้วยแก้ว ได้นำหลักฐานเข้าพบ พลตรีโกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เพื่อให้ช่วยเร่งดำเนินการ หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คน คือ นายปฐมพงษ์ หรือ บอส ชุ่มทวี ผู้ยิง และนายชานนท์ หรือดิว เหลืองอิงคะสุด แต่ผ่านไปแล้วกว่า 10 วัน เรื่องเงียบหาย เกรงจะพัวพันแก๊งทวงหนี้และเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 01.45 นาฬิกา ของวันที่ 8 พ.ค.59 ที่ผ่านมา นายป๊อบพร้อมแฟนสาวและเพื่อนๆ โดยหนึ่งในนั้นคือนายธนาทรัพย์ หรือแมน กวงแหวน ซึ่งมีเรื่องชกต่อยกันกับนายดิวขณะที่ไปดูคอนเสิร์ต จากนั้นได้แยกย้ายกันไปและได้เกิดเหตุชกต่อยกันอีกครั้งที่สถานบันเทิงดังกล่าว นายป๊อบได้เข้าไปช่วยนายแมน จนเกิดการชกต่อยกันอย่างชุลมุน แต่นายดิวสู้ไม่ได้ ต่อมานายบอสเพื่อนของนายดิวที่สังเกตการณ์อยู่ด้านนอก ได้ใช้ปืน 9 มม. ยิงเข้าไปในกลุ่มที่กำลังชกต่อยกันอย่างชุลมุนหลายนัด ทำให้ทุกคนพากันวิ่งหนี โดยทางที่นายป๊อบวิ่งหนีออกมาได้ไปเข้าทางวิถีกระสุน จึงทำให้ถูกยิงเฉียดเข้าสีข้างด้านซ้าย ซึ่งโชคดีที่ไม่ถูกหัวใจ และทะลุต้นขาขวา ตัดกระดูกและเนื้อเยื่อ เศษกระดูกแตกละเอียดฝังอยู่ด้านใน อาการสาหัส
สำหรับมือปืนที่ก่อเหตุนั้น คือ นายปฐมพงษ์ หรือ บอส ชุ่มทวี อายุ 22 ปี ซึ่งทำงานเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในย่านถนนนิมานเหมินทร์ ซอย 15 เบื้องต้นทราบว่า เคยมีคดียิงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง กลางเมืองเชียงใหม่ และคดีก็เงียบหายไป อีกทั้งจากการตรวจสอบยังพบว่ามีการถ่ายภาพคู่กับอาวุธปืนลงโซเชียลมีเดีย โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายด้วย
อย่างไรก็ตามภายหลัง พลตรีโกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้รับฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ได้ประสานไปยัง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ ขอให้เร่งติดตามคดีนี้ให้เร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีที่อุกอาจ ยิงปืนในที่สาธารณะกลางเมืองเชียงใหม่ ต่อหน้าสาธารณะชนจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย พร้อมสั่งให้เข้มงวดกวดขันสถานบริการที่เปิดเกินเวลา และมั่นใจว่าคดีนี้จะไม่ล้มอย่างแน่นอน
ร่วมแสดงความคิดเห็น