ค้าภายในจัดงานธงฟ้า อิ่มทั่วไทยไปกับหนูณิชย์

b4 w=9h=6
พาณิชย์” มอบกรมการค้าภายในติดตามราคาสินค้า เดินหน้าจัดธงฟ้าอิ่มทั่วไทยไปกับหนูณิชย์ ตลอด มิ.ย.59 ปลื้มร้านค้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิมทั่วไทยทะลุ 10,000 ร้าน

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานวันคล้ายวันสถาปนา 74 ปี ของกรมการค้าภายใน ว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเดินหน้าดูแลราคาสินค้าต่อเนื่อง แม้ขณะนี้ราคาสินค้าบางรายการจะทรงตัวและมีแนวโน้มปรับลดลง เช่น ผักสด เนื้อหมู รวมทั้งข้าวสารถุง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยจะใช้กลไกของโครงการหนูณิชย์พาชิม เข้าไปดูแลค่าครองชีพประชาชน ซึ่งขณะนี้ มีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิม เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และยังคงเดินหน้าเชิญชวนให้ร้านค้า ร้านอาหารเข้าร่วมโครงการนี้เพิ่มอีก เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ด้านนายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี ผู้ผลิตข้าวถุงมาบุญครอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ต้นทุนการผลิตข้าวสารบรรจุถุง (5 กก.) ได้ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวขาวที่ปรับขึ้นมาแล้วเฉลี่ยถุงละ 5-7.50 บาท เนื่องจาก ข้าวเปลือกเจ้าได้ปรับราคาขึ้นในช่วงที่ผ่านมากกว่า 10% ซึ่งทำให้ ราคาข้าวเปลือกเจ้า ปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 9,000-9,500 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 2559 ที่ราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 7,500-8,500 บาท ส่งผลให้ต้นทุนข้าวสารมาอยู่ที่ตันละ 14,000 บาท จากเดิมตันละ 12,000- 12,500 บาท แต่ผู้ผลิตข้าวถุงยังคงไม่ปรับขึ้นราคา เพื่อช่วยเหลือภาระค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค
“ตอนนี้ข้าวสารบรรจุถุงในส่วนของข้าวขาวอยู่ที่ถุงละ 70-80 บาท ข้าวหอมมะลิถุงละ 160-170 บาท โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาคือข้าวขาว แต่จะไม่ขึ้นราคา เพราะยังมีข้าวสต๊อกเก่าเหลืออยู่ ซึ่งน่าจะใช้ได้อีก 2-3 เดือน มาถัวเฉลี่ยต้นทุนปัจจุบัน แต่หลังจากเดือนกันยายน 2559 ต้องติดตามว่าผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่ที่ออกมามากน้อยแค่ไหน หากผลผลิตน้อยและราคาปรับขึ้นสูง ก็อาจจำเป็นต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาบ้าง”
สำหรับการประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาล 1.19 ล้านตัน ที่มีผู้เสนอซื้อสูงถึง 1.17 ล้านตัน ถือว่าได้รับการตอบรับจากตลาดมาก เพราะสามารถขายข้าวได้เกือบหมดล็อตที่นำมาประมูล โดยข้าวส่วนใหญ่ที่เอกชนเข้าไปเสนอซื้อคือปลายข้าว เนื่องจากผู้ส่งออกจะนำปลายข้าวไปส่งออกให้ตลาดแอฟริกา ซึ่งขณะนี้เริ่มกลับมาซื้อข้าวของไทย เพราะกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
“สต๊อกข้าวรัฐที่ปล่อยออกมาล้านตัน ยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาตลาดภายใน เพราะส่วนใหญ่นำไปส่งออกให้กับตลาดแอฟริกา โดยมองว่าหลังจากระบายข้าวล็อตนี้ออกไป ภาครัฐควรชะลอระบายข้าวไว้ก่อน เพราะหากปล่อยข้าวเข้าสู่ตลาดอีกล้านตันในระยะ 1 เดือน อาจมีผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดได้เช่นกัน” นายสมเกียรติกล่าว
ด้านการแข่งขันในตลาดข้าวถุง ขณะนี้มีการแข่งขันในแต่ละแบรนด์รุนแรงมากขึ้น เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวถุง โดยมีการจัดโปรโมชั่นซื้อข้าวถุงแถมสินค้าชนิดอื่นๆ เช่น น้ำดื่ม น้ำปลา ซีอิ๊ว แล้วแต่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะจับคู่กับสินค้าชนิดไหน ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าข้าวถุงปรับขึ้นราคายาก เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้น อาจมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค อีกทั้งผู้ประกอบการข้าวถุงยังมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมในการนำสินค้าไปขายในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ห้างสรรพสินค้า ซึ่งในปีหน้าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นค่าธรรมภายในห้างขึ้นอีก
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันการเก็บค่าธรรมเนียมทั้งหมดของห้างคิดอยู่ที่ประมาณ 10-35% ซึ่งเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการ เพราะการคิดค่าธรรมเนียมต่างๆไม่มีมาตรฐานแน่ชัด ว่าคำนวณจากส่วนใดมีผลต่อการทำโปรโมชั่นในการขาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะเสนอในที่ประชุมคณะทำงานวางแผนการผลิตข้าวครบวงจรที่มี ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยจะให้บรรจุข้าวถุงเป็นสินค้าชนิดพิเศษอยู่ในแผนระยะยาวที่จะมีการจัดทำยุทธศาสตร์ค้าปลีกข้าว เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า หากสถานการณ์ภัยแล้ง และสภาพอากาศยังแปรปรวนก็จะส่งผลให้ผลผลิตข้าวในประเทศลดลงและมีแนวโน้มว่าราคาข้าวในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้นเพราะจากปัจจุบันราคาข้าวสารที่มีการรับซื้อเพิ่มขึ้นจาก 12,000 บาทต่อตันเป็น 14,000 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเปลือกก็เพิ่มขึ้นจาก 9,000 เป็น 9,400 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวที่เอกชนประมูลจากโกดังรัฐบาลในรอบที่ผ่านมาก็เฉลี่ยราคากก.ละ 11 บาท ทั้งๆที่เป็นข้าวเก่าจากปกติจะอยู่ที่ไม่เกิน 9 บาทต่อกก. แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาข้าวจะมีแนวโน้มสูงขึ้นแต่ชาวนาก็อาจไม่ได้รับอานิสงส์จากราคาที่สูงขึ้นมากนักเพราะส่วนใหญ่มีปัญหาขาดทุนจากการทำนาในรอบที่ผ่านๆมาเนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง ดังนั้นแม้ว่าช่วงนี้จะมีฝนตกลงมาและมีฝนเพียงพอต่อการทำนาแต่ชาวนาก็ไม่มีทุนที่จะทำนา ขณะที่สถานการณ์การรับซื้อข้าวจากชาวนาของโรงสีก็ซบเซาโรงสีบางแห่งแทบไม่มีข้าวเข้ามาเก็บในโกดังเลยซึ่งถือว่าผิดปกติจากปีที่ผลผลิตมีออกมาเป็นปกติ
นอกจากนี้ ปัญหาการที่โรงสีกว่า 20 รายถูกผู้ส่งออกและหยง (นายหน้าค้าข้าว) โกงค่าข้าวกว่า 1,000 ล้านบาท จนทำให้โรงสีบางรายขาดสภาพคล่องจนบางรายต้องปิดกิจการไปเพราะขาดสภาพคล่องว่า ทางสมาคมได้ยื่นเรื่องให้กระทรวงพาณิชย์และภาครัฐดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ในระยะยาวซึ่งกระทรวงโดยปลัดกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการรวมรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพราะได้ส่งผลต่อภาพรวมของการส่งออกข้าว เนื่องจากผู้ที่โกงค่าข้าวนั้นเป็นผู้ประกอบการส่งออกรายใหญ่

ร่วมแสดงความคิดเห็น