พบแล้วญาติของนายปั่น อะโนมา วัย 85 ปี ขอทานเงินล้าน ที่เสียชีวิตลงที่วัดโกรกกราก จ.สมุทรสาคร ล่าสุดภรรยาและลูกของพี่ชาย นายปั่นอยู่ที่อำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่ เผยเคยพบกันเมื่อ 30 กว่าปีก่อนที่เชียงใหม่ แต่พี่ชายและครอบครัวย้ายที่อยู่เลยไม่สามารถติดต่อกันได้จนทราบข่าวการเสียชีวิต และมีนักข่าวมาตามหาจนเจอ พร้อมยินดีให้ทำการพิสูจน์หลักฐานและดีเอ็นเอ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ยันไม่ได้หวังเอาทรัพย์สินของผู้ตาย
จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพและข้อมูลชายชรา ที่ทราบชื่อคือ นายปั่น อะโนมา วัย 85 ปี ซึ่งเป็นขอทาน และเป็นคนเร่ร่อนที่เสียชีวิตที่วัดโกรกกราก จมุทรสาคร ที่สร้างความฮื้อฮาและน่าตกใจเป็นอย่างมากเมื่อทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบภายในตัวผู้ตายพบว่ามีเงินฝากอยู่กว่า 1.5 ล้านบาท และทราบว่า นายปั่น นั้นต้องตามหาทายาทเพื่อมารับเงินจำนวนดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้มีความพยายามตามหาผู้ที่มีนามสกุลเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ญาติ ตามที่ได้มีข่าวแพร่กระจายไปทั่ว สร้างความฮือฮาและทำให้มีประชาชนสนใจติดตามข่าวกันเป็นจำนวน
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.59 ที่ผ่านมานี้ ทางสื่อมวลชนที่เชียงใหม่ได้รับแจ้งว่า มีการพบครอบครัวที่เชื่อว่าน่าจะเป็นญาติของ นายปั่น ที่ได้พยายามออกตามหา ซึ่งอยู่ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยครอบครัวนี้อยู่ที่ บ้านตีนธาตุ ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นทางผู้สื่อข่าวจึงได้ทำการติดต่อเดินทางเข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นครอบครัวของ นางเพ็ญ ตุ่นตามเชื้อ อายุ 64 ปี และลูกๆ 3 คน ที่อ้างว่าเป็นภรรยา และลูกๆ ของ นายตา อะโนมา ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2557 โดย นายตา อะโนมา เป็นพี่ชายแท้ๆ ของนายปั่น อะโนมา ซึ่งได้มีการนำเอาเอกสาร อาทิ นำเอาบัตรประชาชน และใบมรณะบัตร มายืนยันกับสื่อพร้อมทั้ง นำภาพของนายปั่น และนายตา มาเปรียบเทียบกับซึ่งพบว่ามีเค้าโครงหน้าที่ใกล้เคียงกันมาก
นอกจากนี้แล้ว นางเพ็ญ ยังให้ข้อมูลว่า นายตา และ นายปั่น เคยอยู่อาศัยที่จังหวัดลำพูน ก่อนที่นายตา และ นายปั่น จะแยกย้ายกันอยู่คนละที่ จนเมื่อ 30 ปีก่อน นายปั่น เคยเดินทางมาเที่ยวหานายตา พี่ชายที่ ต.ดอยหล่อ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็น อ.ดอยหล่อแล้ว และได้มาอยู่อาศัยด้วยกันนานถึง 1 เดือน จึงทำให้ นางเพ็ญและลูกๆ จำหน้าของ นายปั่น ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นคนๆ เดียวกันอย่างแน่นอน และหลังจากนั้น นายปั่น ก็ได้กลับไปทำงานที่ภูเก็ต กระทั่งต่อมาครอบครัวของ นายตา ได้ย้ายไปอยู่ที่ อ.แม่แตง จ .เชียงใหม่ ทำให้ นายตา และนายปั่น ถูกตัดขาดจากกันโดยไม่สามารถติดต่อกันได้ จนกระทั่งมาทราบจากข่าวการเสียชีวิตลง ซึ่งก่อนที่ นายตา พี่ชายจะเสียชีวิต ก็ยังถามหา นายปั่น น้องชายด้วย
อย่างไรก็ตามทางครอบครัว นางเพ็ญ และลูกทั้ง 2 คนทีมีศักดิ์เป็นอาหลานกันกับ นายปั่น ก็ทราบข่าวเรื่องการตามหาญาติแต่ครอบครัวตนเองไม่ได้ออกมาเปิดตัวเพื่อแสดงตัวจะไปรับเงิน แต่เพียงทราบว่ามีนักข่าว และโลกออนไลน์ต่างก็ลงข่าวและออกประกาศตามหา ส่วนเรื่องของการจะไปพิสูจน์ความจริงหรือไปจนถึงขั้นตรวจ ดีเอ็นเอ ว่าเป็นญาติจริงหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ที่ดูแลเงินหรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดจะหวังเพื่อเอาเงินของผู้ตายแต่อย่างใด แต่หากเป็นความประสงค์ของผู้ตายหรือผู้ดูแลเงินก็ยินดีที่จะรับไว้ หากการพิสูจน์ตามขั้นตอนพบว่ามีความเป็นจริงทุกประการ ขณะเดียวกันตอนนี้เริ่มมีสังคมออนไลน์ที่มีการออกมาแสดงความเห็นและต่อว่า ในลักษณะที่ว่าอยากได้เงินของผู้ตายหรือต่อว่าว่าไม่ดูแลคนตาย แต่ด้วยความที่ต้องย้ายที่อยู่ที่พรัดพรากกันจึงยากที่จะตามหากันทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องกันจึงอยากให้สังคมเข้าใจว่าตลอดทั้ง 30 กว่าปีที่ผ่านมาทางครอบครัวของ นายตา ก็พยายามตามหาน้องชายเช่นกันแต่หมดปัญญาเนื่องจาก นายปั่นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งด้วย
ขณะที่ทางด้านสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้เพิ่มได้รับข้อมูลจากสื่อมวลชนและได้ประสานข้อมูลเบื้องต้นไปกับทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร และจากหลักฐานที่พบก็เชื่อว่าจะไม่ยากที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นญาติกันจริงหรือไม่
ร่วมแสดงความคิดเห็น