เมืองพ่อขุนมอบเงิน อุดหนุนองค์กรเกษตร

b5 w=4.5h=4
นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

เมืองพ่อขุนจัดพิธีมอบเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรเกษตรกร จำนวน 26 องค์กร องค์กรละ 30,000 บาท รวม 780,000 บาท ตามโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อยกระดับความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ด้านพ่อเมืองแนะเกษตรกรควรปลูกพืชที่ตลาดต้องการ โดยเฉพาะข้าวไทยซึ่งมีคุณภาพดี ชี้หากเป็นข้าวเหนียวต้องพันธุ์ กข 6 และข้าวจ้าวคือพันธุ์หอมมะลิ 105 ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลก

นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานในพิธีมอบเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรเกษตรกร จังหวัดเชียงราย องค์กรละ 30,000 บาท จำนวน 26 องค์กร จำนวนเงินรวม 780,000 บาท ตามโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย และมอบโฉนดที่ดินคืนให้กับเกษตรกร จำนวน 1 ราย โดยมีส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรเกษตรกร และคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเชียงราย ร่วมพิธีและรับมอบเงินอุดหนุนฯ ณ ห้องประชุมสถานีพัฒนาที่ดินเชียงราย ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

โดย นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย มีทิศทางในการพัฒนาการเกษตรอยู่หลายข้อหลักๆ ได้แก่ 1.ขอให้เกตรกรอย่าได้ขายที่ดินโดยให้เก็บเอาไว้เป็นสมบัติของลูกหลานสืบไปเพราะปัจจุบันพบว่ามีที่ดินที่เหลืออยู่ในมือเกษตรกรน้อยมาก เมื่อขายไปแล้วเกษตรกรก็ได้กลายเป็นคนรับจ้างทำนาไปเสียและทำให้ทางกองทุนฟื้นฟูต้องเข้ามาช่วยเหลือไม่สิ้นสุด 2.ลดต้นทุนด้วยการลดการใช้สารเคมี เพราะปัจจุบันสินค้าเกษตรไทยมีราคาแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากเพราะใช้ต้นทุนสูงทั้งสารเคมี การจ้างคนงาน ฯลฯ โดยเราเป็นประเทศที่มีพื้นที่ทางการเกษตรมากเป็นอันดับที่ 18 ของโลกแต่กลับเป็นชาติที่ใช้สารเคมีมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ก็จะตกอยู่ในดิน น้ำและสุขภาพร่างกายของคนไทยทำให้คนไทยสุขภาพไม่ดีและเงินทองที่หาได้ต้องถูกใช้ไปกับการดูแลรักษาโรคอันเกิดจากสารเคมีนั้นไปเสีย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวอีกว่า ข้อที่ 3 คือปลูกพืชที่ตลาดต้องการโดยเฉพาะข้าวไทยซึ่งมีคุณภาพดีโดยหากเป็นข้าวเหนียวต้องพันธุ์ กข 6 และข้าวจ้าวคือพันธุ์หอมมะลิ 105 ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลกและที่ผ่านมาเมื่อไปสำรวจตลาดในประเทศจีนพบมีการแอบอ้างชื่อข้าวไทยในตลาดจีนกันมากแต่เมื่อเข้าไปดูกลับไม่ใช่ ดังนั้นชาวนาไทยต้องปลูกข้าวเหล่านี้ให้มีคุณภาพโดยอาศัยดิน น้ำ สายพันธุ์ที่ดีของเราไม่ใช่โหมปลูกคราวละมากๆ อย่างเดียว และ 4.ยึดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงทรงพระราชทาน ปัจจุบันมีผู้นำไปพัฒนาเป็นโครงการ 1 ไร่ 1 แสนบาท ซึ่งเกษตรกรสามารถติดต่อไปยังทางจังหวัดได้ซึ่งสามารถให้องค์ความรู้นำไปทดลองเองได้ โดยมีการปลูกพืชที่หลากหลายทำให้มีรายได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องหวังพึ่งพืชชนิดเดียว
การลดสารเคมีนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีไม่ใช่ว่าเราไม่ใช้แล้วจะอยู่ไม่ได้ซึ่งจังหวัดพร้อมสนับสนุนด้านองค์ความรู้นี้ และอยากให้เกษตรกรปลูกพืชผลหลากหลายไม่ใช่ว่าปลูกข้าวตั้งแต่เดือน พ.ค.จนถึงปลายปีแล้วก็ปล่อยที่ดินว่างเปล่าทำให้เสียเวลาจึงเห็นว่าเราต้องปรับเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เพราะปัจจุบันพบว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการของกองทุนฟื้นฟูนี้แล้วยังพบเกษตรกรเป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มขึ้นทุกปี หากไม่ปรับเปลี่ยนก็จะต้องวนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของกองทุนฟื้นฟูอย่างนี้อย่างไม่จบสิ้นอีก นายบุญส่ง กล่าว
ด้าน นายนิยม สุวรรณประภา หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนเงินอุดหนุนให้กับองค์กรเกษตรกร องค์กรละ 30,000 บาท จำนวน 26 องค์กร จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 780,000 บาท ตามโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อยกระดับความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรไปสู่ระดับที่สูงขึ้น โดยมีโครงการที่ได้รับการอนุมัติ เช่น โครงการเลี้ยงหมู โครงการปลูกกล้วยและปลูกสัปปะรด โครงการเลี้ยงไก่สามสายพันธุ์ โครงการเลี้ยงกระบือ และโครงการเกษตรผสมผสาน เป็นต้น
นายนิยม กล่าวต่อว่า ในส่วนการจัดการหนี้ของเกษตรกร สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการชำระหนี้แทนเกษตรกรไปแล้ว จำนวน 299 ราย มูลหนี้รวม จำนวน 72,769,346.77 บาท สามารถรักษาที่ดินทำกินของเกษตรกรไว้ จำนวน 1,156 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา และมีเกษตรกรได้ชำระหนี้ปิดบัญชีและไถ่ถอนหลักประกันโฉนดที่ดินคืนไปแล้ว จำนวน 6 ราย รวมถึงเกษตรกรที่ได้รับมอบโฉนดที่ดินคืนในวันนี้จำนวน 1 ราย เป็นโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 20 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา

ร่วมแสดงความคิดเห็น