ภาค 5 โชว์ผลงานตามรวบผู้ต้องหา แก๊งลักรถรายสำคัญในพื้นที่เชียงใหม่

แก๊งลักรถ (1)

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ส.ค.59 ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช. ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ชุดป้องกัน ปราบปรามการโจรกรรมรถรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ จำนวน 2 คน คือ นายมุณี หรือคิง มณีวรรณ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 79 มหู่ 16 ต.บ้านแปะ อ.จอมทองเชียงใหม่ และ นางสาวพรพิมล อุ่นเสนีย์ อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 155 หมู่ 1 ต.แม่เงา อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยของกลางประกอบด้วย รถจักรยานยนต์แบบออโตเมติกจำนวน 5 คัน , ป้ายทะเบียนรถ , อุปกรณ์การโจรกรรมและกุญแจรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งทั้งกล่องจีพีเอสของรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น หลังทางเจ้าหน้าที่สามารถตามจับกุมมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 300/423 หมู่บ้านเชียงใหม่แกรนด์วิว ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

โดยทาง พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 เปิดเผยว่า การดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายทั้ง 2 คนในคดีนี้สืบเนื่องมาจากช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายหลายรายว่ารถจักรยานยนต์ได้ถูกโจรกรรมไป โดยเฉพาะในพื้นที่เขตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามติดตามจับกุมตัวคนร้ายด้วยการสืบหาเบาะแส การติดตามจากกล้องวงจรปิดตามโครงการ police eye และการดำเนินการติดตามในรูปแบบต่างๆ จนกระทั่งในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เบาะแสของคนร้าย โดยได้ทราบว่าคนร้ายเป็นผู้หญิง 1 คน และชาย 1 คน มาลักรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิกสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ในบริเวณมหาวิทยาลัยเชยงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้พยามยามติดตามตัวจนกระทั่งไปจับกุมได้ที่หมู่บ้านเชียงใหม่แกรนด์วิว ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้านเช่าที่ทั้ง 2 คนอยู่อาศัยนั้นก็พบของกลางที่เกี่ยวกับการโจรกรรม รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ลงมือก่อเหตุจำนวนหลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนดำเนินคดี

แก๊งลักรถ (2)

ขณะเดียวกันจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก็ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ตามที่มีผู้เสียหายได้แจ้งความไว้จริง โดยได้ลงมือก่อเหตุมาตั้งแต่ปลายปี 2558 ประมาณ 20 กว่าคัน ด้วยการร่วมกับแฟนสาวออกตระเวนออกหาดูรถเป้าหมายที่จะลักจากนั้นจะนำเครื่องจีพีเอสไปติดซ่อนไว้ที่บริเวณใต้บังโคลนด้านหน้าของรถเพื่อไม่ให้เจ้าของรถสังเกตุเห็น แล้ว ใช้กุญแจที่ไม่มีรอยหยักทาสีเสียบเข้าไปในบล็อกกุญแจ จากนั้นค่อยดึงออกมา ซึ่งเมื่อได้รอยหยักที่ตรงกับช่องเสียบของรถคันดังกล่าวก็จะใช้เครื่องมือปั๊มกุญแจทำกุญแจที่สามารถเปิดรถคันดังกล่าวได้ขึ้นมา แล้วอาศัยตัวจีพีเอสที่ติดไว้ที่รถติดตามไปโจรกรรมอีกครั้ง โดยจะเน้นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบออโตเมติก เมื่อได้รถมาก็จะส่งให้กับเครือข่ายนำไปขาย อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบสวนและจากการให้ปากคำของผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่คาดว่าบุคคลทั้ง 2 นี้น่าจะมีกลุ่มขบวนการที่ร่วมกันก่อเหตุมากกว่า 2 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อทำการจับกุมตัวผุ้อยุ่เบื้องหลังที่รับรถที่ได้จากการโจรกรรมไปขายและกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น