สินเชื่อ-เงินฝากแบงก์ลด ทิศทางข้างหน้ายังท้าทาย

b.4ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่อง ของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 โดย เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง 9.6 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนสู่ระดับ 10.42 ล้านล้านบาท จากการหดตัวของสินเชื่อในทุกกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก)ตามการชําระคืนสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อภาครัฐ สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายใหญ่และสินเชื่อเช่าซื้อส่งผลให้ตัวเลขภาพรวมสินเชื่อทั้งระบบเติบโตชะลอลงมาที่ระดับ 2.02%YoY และ-0.46%YTD เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน

ขณะที่ เงินฝากลดลง 1.5 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 11.225 ล้านล้านบาท ผลกระทบจากการครบกําหนดของเงินฝากประจําและเงินฝากประจําแบบพิเศษในบางธนาคาร แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนและสิ้นปีก่อน เงินฝากยังขยายตัว 2.27% YoY และ 0.26% YTDเนื่องจากผลของฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อน
ทางด้านสภาพคล่องผ่อนคลายลงตามการปรับลงของสินเชื่อที่มีสัดส่วนมากกว่าการไหลออกของเงินฝากในระบบ โดยสัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+BorrowingRatio) ลดลงสู่ระดับ 90.73% เทียบกับระดับ 91.41% ในเดือนมิถุนายน สอดคล้องกับทิศทางของเครื่องชี้สภาพคล่องอีกตัวหนึ่งคือสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพยรวม ซึ่งขึ้นมาที่ระดับ 20.79% จากระดับ 20.03% ในเดือนก่อนหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าทิศทางการเติบโตของสินเชื่อในระยะถัดไปอาจเผชิญความท้าทายมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่เคยประเมินไว้ที่ระดับ 4.0% โดยต้องจับตาการชําระคืนสินเชื่อของภาครัฐ และผู้ประกอบการรายใหญซึ่งชําระคืนสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง (หลังจากส่วนหนึ่งได้หันไประดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้) ทําให้ยังไม่เห็นการเติบโตของสินเชื่อรวมในช่วง 7 เดือนแรกของปี

อย่างไรก็ตาม ภาพการเติบโตของสินเชื่อที่ช้ากว่าคาด ทําให้การบริหารสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์มุ่งไปที่การบริหารดอกเบี้ยจ่ายให้เหมาะสมและการรักษาฐานลูกค้าเป็นหลัก ท่ามกลางปริมาณสภาพคล่องในระบบธนาคารที่ยังเอื้อต่อการดําเนินธุรกิจหลักในระยะถัดไป ทําให้อัตราการเติบโตของเงินฝากมีโอกาสชะลอลงสอดคล้องกับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

สําหรับประเด็นการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 25 ล้านบาทสู่ 15 ล้านบาท ต่อรายผู้ฝากต่อสถาบันการเงินซึ่งเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2559คาดว่าจะมีผลกระทบค่อนข้างจํากัดต่อผลการดําเนินงานของธนาคารพาณิชย์และสภาพคล่องเนื่องจากวงเงินคุ้มครองเงินฝากที่ระดับ 15 ล้านบาท ยังครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยที่เป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ในผลิตภัณฑ์เงินฝากได้ทั้งหมด (หรือครอบคลุมจํานวนบัญชีเงินฝากกว่า 99.9% ของจํานวนบัญชีเงินฝากทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์)

ขณะที่ผู้ฝากเงินบางส่วนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูงอาจปรับตัวด้วยการโยกย้ายเงินออมบางส่วนไปยังสถาบันการเงินอื่นหรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นเพื่อหาผลตอบแทนภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้จึงไม่น่าจะส่งผลต่อสภาพคล่องระบบธนาคารที่ยังมั่นคงอยู่ในระดับสูง และสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น