ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จับมือสถาบันคีนนันแห่งเอเชีย-เชฟรอน-สวทน. เปิดศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ

%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%a8%e0%b8%b9%e0%b8%99%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2-1

ช่วงบ่ายวานนี้ (6 ต.ค.59)ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ดอยสะเก็ด อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ,รศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา , นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการสถาบันคีนนันแห่งเอเชีย , นายทวนทอง ศรีสวัสดิ์ ศึกษาธิการ จ.เชียงใหม่ และนายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัทเชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด ร่วมกันทำพิธีเปิดศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพล้านนา ภายใต้ความร่วมมือของโครงการ “Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต”

โดยศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพล้านนานั้น เป็นศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ หรือ TVET ประจำภาคเหนือ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ล้านนา เป็นผู้ขับเคลื่อนภายใต้การสนับสนุนของโครงการ “Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต” มุ่งเน้นใน 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์,อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการเป็นศูนย์ประสานงานระหว่างมหาวิทยาลัย โรงเรียน และอุตสาหกรรมในเครือข่าย ในการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร,เป็นแหล่งเรียนรู้และการวิจัยกระบวนการเรียนการสอน และประสานงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและโรงเรียนในเครือข่าย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพที่ยั่งยืน รับผิดชอบดูแลพื้นที่รวม 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ครอบคลุมโรงเรียน 13 แห่ง และสถาบันอาชีวศึกษา 5 แห่ง

อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา กล่าวว่า บทบาทของ TVET Hub ประจำภาคเหนือที่ มทร. ล้านนา บริหารจัดการ นอกจากการเป็นศูนย์กลางการประสานงานร่วมกับอุตสาหกรรม – โรงเรียนเครือข่ายและครู ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งฝึกฝนทักษะและอบรมบุคลากรของโรงเรียนเครือข่าย ขณะเดียวกันยังเป็น “ศูนย์กลางการวิจัย” ด้านกระบวนการเรียนการสอน คู่มือครู (courseware) เพื่อนำไปใช้สำหรับการเรียนการสอนในโรงเรียน ซึ่งจุดเด่นของ TVET Hub คือ การสร้างครูประจำ Hub ที่ได้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงในโรงงาน เพื่อทดแทนครู ในโรงเรียน ทำให้ครูในโรงเรียนได้มีโอกาสออกมาเรียนรู้และฝึกฝนในโรงงานได้ นอกจากนี้ TVET Hub ยังเป็นเสมือน สเตชั่นที่มีอุปกรณ์เครื่องไม้ เครื่องมือ ตั้งแต่การเขียนแบบ จนถึงขั้นรูปผลิต เพื่อให้นักเรียนหรือครูฝึกจะฝึกฝนได้จริง

%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%a8%e0%b8%b9%e0%b8%99%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2-2

ขณะที่ นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายของเชฟรอนที่ให้ความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพ “คน” แบบยั่งยืน และเพื่อมีส่วนร่วมในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ผ่านการพัฒนาศักยภาพแรงงานวิชาชีพที่มีทักษะฝีมือและพื้นฐานด้านสะเต็ม (STEM) ที่สามารถต่อยอดกระบวนการคิด วิเคราะห์ ให้คนมีแนวคิดด้านนวัตกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งนำมาสู่การจัดตั้ง “TVET Hub” ประจำภาคเหนือ ที่จะทำหน้าที่ผลิตและพัฒนาแรงงานที่มีทักษะฝีมือตรงตามความต้องการภาคอุตสาหกรรม

โดยจัดตั้งขึ้นที่ จ.เชียงใหม่เป็นแห่งแรก โดยช่วงแรกเป็นหลักสูตรพัฒนาศักยภาพแรงงานตอบสนองความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และในปีหน้าจะขยายหลักสูตรการพัฒนาทักษะป้อนอุตสาหกรรมท้องถิ่นมากขึ้น คือ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งแนวทางการดำเนินการของ TVET Hub จะมี 3 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.ภาคอุตสาหกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน 2.มหาวิทยาลัยเป็นตัวขับเคลื่อน และ 3.ภาคธุรกิจหรือผู้ประกอบการเป็นผู้ขับเคลื่อน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความพร้อมในแต่ละพื้นที่ แต่สำหรับกรณีของภาคเหนือจะมี มทร.ล้านนา เป็นผู้ขับเคลื่อน เพราะมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร สถานที่ อุปกรณ์ และมีความเข้าใจบริบทและสภาพสังคมอย่างแท้จริง ทั้งเป็นแกนนำสำคัญในการ สานต่อโครงการและสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืน

ส่วนนายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานสถาบันคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า สถาบันคีนันในฐานะผู้บริหารโครงการ Chevron Enjoy Science ซึ่งเป็นการผสานงานกับภาคี 4 ฝ่ายภาครัฐ เอกชน อุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา ทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งเล็งเห็นว่าปัญหาของภาคศึกษาอาชีวะไทย ซึ่งถือเป็นแหล่งสร้างแรงงานที่สำคัญ คือ การขาดครูที่เก่งมีประสบการณ์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงความเชื่อมโยงกับสถานประกอบการ ทั้งนี้การดำเนินโครงการ TVET Hub จะช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งครู อุปกรณ์ และองค์ความรู้ ที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตรงกับความต้องการของสถานประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ และการดำเนินการพัฒนา “คน” ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ก็สามารถเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากความพร้อมของภาคีทั้ง 4 ฝ่าย ในการร่วมสนับสนุนดำเนินการต่างๆ ทั้งจัดอบรม จัดทำหลักสูตรที่ตอบโจทย์แต่ละภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น

ด้านศึกษาธิการ จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตามนโยบาย “Thailand 4.0” ของรัฐบาล ว่า หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนอยู่ที่การใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพ ดังนั้นโจทย์สำคัญจึงอยู่ที่การพัฒนาศักยภาพคนและผลิตแรงงานที่มีทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อรองรับความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรมที่หันมาใช้เทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพล้านนา จะสามารถตอบสนองในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น