วันนี้(3 พ.ย. 59.) ที่ห้องประชุม POC. ชั้น 2 ศาลากลาง จ.ลำพูน พ.อ.จิราวัฒน์ จุฬากุล รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ลำพูน พร้อมด้วยนายวีระชัย ภู่เพียงใจ ผวจ.และ นายมนัส อ่ำทอง รอง ผวจ. ประชุมหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ
สืบเนื่องจากเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวเปลือกจำหน่ายในขณะนี้ ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำ จึงได้หาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ทาง พ.อ.จิราวัฒน์ รองผู้บัญชาการฯ กล่าวว่า ทหารจะให้ความช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ป่วย หรือผู้ที่มีรายได้น้อย และไม่สามารถจ้างคน หรือรถเก็บเกี่ยวข้าวได้ จะจัดกำลังทหารเข้าไปช่วยเก็บเกี่ยวข้าวให้แก่เกษตรกร
ขณะที่ ผวจ.กล่าวว่า แนวทางส่งเสริมด้านการตลาด มุ่งให้มีการจับคู่ธุรกิจ เพื่อส่งเสริมด้านการตลาดแก่เกษตรกร ดังเช่นที่เคยใช้กับลำไย เช่น เชิญพ่อค้าที่ตลาดไทย กรุงเทพมหานคร มาตกลงซื้อขายกับเกษตรกร หรือผู้ขายที่ จ.ลำ พูน จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้
ด้าน นางเฟื่องฟ้า ตุลาธรรมกุล พาณิชย์ จ.ลำพูน กล่าวว่า จ.ลำพูน มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปีการผลผลิต 2559/60 ประมาณ 123,799 ไร่ ส่วนใหญ่ ปลูกข้าวเหนียวสันป่าตอง พื้นที่ 121,519 ไร่ และปลูกข้าวเจ้า 2,280 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 80,470 ตัน สำหรับราคาข้าวเปลือกเหนียว ที่ความชื้น 28-29 เปอร์เซ็นต์ ณ ช่วงเวลาตั้งแต่ 1-31 ตุลาคม 2559 โรงสีรับซื้อ 6,000-9,700 บาท ราคาต่ำกว่าในช่วงเดียวกัน เมื่อปีที่แล้ว (ปีการผลผลิต 2558 /59) โรงสีรับซื้อ ราคา 9,000-10,500 บาท จึงทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน กรณีข้าวเปลือกมีราคาต่ำ นอกจากมีสาเหตุจากกลไกด้านการตลาดแล้ว ยังสืบเนื่องจากความชื้นของข้าวเปลือกที่จำหน่ายมีความชื้นสูง จึงจำหน่ายได้ราคาต่ำด้วย ปัจจุบัน จ.ลำพูนมีโรงสี จำนวนรวม 11 แห่ง เป็นโรงสีขนาดใหญ่ 1 แห่ง โรงสีขนาดเล็ก 5 แห่ง และท่าข้าว 5 แห่ง
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะเร่งด่วน จึงได้เสนอแนวทางชะลอการขาย โดยร่วมกับสหกรณ์ต่างๆ และการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก เพื่อให้ผู้ซื้อพบกับผู้ขาย คือเกษตรกรโดยตรง ระยะกลางได้เสนอให้สินค้าข้าวเป็นวาระของจังหวัด เพื่อส่งเสริมด้านการตลาดภายในประเทศ ให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ซื้อข้าวจากเกษตรกรไปบริโภค และใช้ในโอกาสต่างๆ เช่น เป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งการใช้ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ และในระยะยาว ได้เสนอให้ขยายตลาดข้าวเหนียวไปยังประเทศจีน
ร่วมแสดงความคิดเห็น