สกู๊ปหน้า 1…ปวงประชาชาวไทย..!! รวมพลังแห่งความภักดี

1%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b9%8a%e0%b8%9bที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าเวลา 08.00 น. วันที่ 22 พ.ย.59 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในงานรวมพลังแห่งความภักดีของจังหวัดเชียงใหม่ จัดที่สนามหน้ากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 โดยมีนางมลสุดา ชำนิประศาสน์ นายกเหล่ากาชาด จ.เชียงใหม่ พสกนิกรทุกหมู่เหล่า และหน่วยงานที่สนองโครงการสำคัญของประเทศ อาทิ หน่วยแพทย์ พอ.สว. มูลนิธิ พอ.สว. ลูกเสือชาวบ้าน นักเรียนเด็กพิเศษจาก ร.ร.ศรีสังวาลย์ นักเรียนจาก ร.ร.ตชด.ในพระราชานุเคราะห์ ข้าราชการ เหล่ากาชาด จ.เชียงใหม่ พ่อค้า ประชาชน กลุ่ม อปท. กลุ่มชาติพันธุ์ เจ้าหน้าที่โครงการหลวง โครงการตามพระราชดำริ โครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการตามพระราชประสงค์ ตลอดทั้งผู้ปกครองและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และมีสื่อมวลชนทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค มาร่วมรายงานข่าวอย่างคับคั่ง

โดยกิจกรรมครั้งนี้เริ่มด้วยการนำเสนอบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยวงโยธวาฑิตของ ร.ร.สันทรายวิทยาคม หมู่เชิญธงชาติเข้าประจำที่ เมื่อได้เวลา 08.00 น.ประธานนำร้องเพลงชาติ จบแล้ว ประธานถวายเครื่องสักการะจุดเทียนบูชาเครื่องทองน้อย นำกล่าวปฏิญาณตน จบแล้ว ประธานนำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะที่การจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดีของจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีการจัดกิจกรรมที่ ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย มทบ.33 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มหาวิทยาลัยพายัพ และหน่วยงานราชการและภาคเอกชนทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี ด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อมพร้อมทำความสะอาดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ตั้งแต่ด้านหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่จนถึงพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในเวลา 14.00 น. เพื่อเป็นการรวมพลังของหน่วยงาน ประชาชน นักเรียน นักศึกษา เพื่อพัฒนาเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ทุกจังหวัด อำเภอ ตำบลและหมู่บ้านทั่วประเทศ จัดกิจกรรม รวมพลังแห่งความภักดีเพื่อประกาศความจงรักภักดีและร่วมกันรำลึกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89 พร้อมกัน ด้วยการทำดีด้านกาย วาจา และใจ ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมการทำความดีด้านกาย

สำหรับการจัดกิจกรรมทำความดีด้านวาจานั้น จะเป็นการร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตนทำความดีเพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ในระหว่างเวลา 07.00-08.30 น. ณ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมืองเชียงใหม่ และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย ส่วนการทำความดีด้านใจนั้น จะเป็นการจัดกิจกรรมอธิษฐาน สำรวมจิตภาวนาและแผ่เมตตา ณ หอประชุมโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในเวลา 09.30 น. ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีของชาวเชียงใหม่ในทุกภาคส่วนผสานรวมพลังแห่งความภักดีของคนเชียงใหม่เพื่อประกาศความสำนึกและรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89 ด้วยความพร้อมเพียงสานพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วทั้งชาติและทั่วโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันเดียวกันนี้ ทางด้าน พลตรีเกษมสุข ตาคำ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เป็นประธาน นำกำลังพลของมณฑลทหารบกที่ 33 ร่วมกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี เพื่อน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยร่วมกันปฏิญาณตนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณหน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พ.ย.59 ที่ให้จัดกิจกรรมนี้เพื่อประกาศความจงรักภักดีและร่วมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 89
ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการปฏิญาณตนแล้ว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ยังได้นำกำลังพลร่วมกันกิจกรรมทำความดีเพื่อถวายในหลวงด้วย โดยจัดกำลังพลร่วมกันพัฒนาวัดที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ วัดเมืองกาย, วัดท่าสะต๋อย และวัดสันป่าข่อย ขณะที่ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ยังได้จัดกำลังพลร่วมกิจกรรมพัฒนาเส้นทางเสด็จฯ จากลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย สู่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ด้วย

ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร อ.เมืองลำพูน นายวีระชัย ภู่เพียงใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนชาวจังหวัดลำพูน ร่วมงาน “รวมพลังแห่งความภักดี” เพื่อประกาศความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นผู้นำกล่าวถวายสัตย์ปฎิญาณแสดงความจงรักภักดี เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมกับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ

สำหรับวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร นับเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำพูน องค์พระบรมธาตุหริภุญชัย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยหริภุญไชย อายุประมาณ 1,300 ปีเศษ เป็น 1 ใน 8 จอมเจดีย์ของประเทศเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2501 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเยี่ยมราษฎรที่จังหวัดลำพูน ทรงสักการะองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย

พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรที่จังหวัดลำพูนอีกหลายครั้ง ได้พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวม 86 โครงการ และมีการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกหลายร้อยโครงการ โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้กล่าวประกาศเจตนารมณ์ของจังหวัดลำพูน เรื่องการจัดตั้ง “กองทุนพ่อของแผ่นดินจังหวัดลำพูนและอำเภอ” เพื่อขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเฉพาะ การสร้างและซ่อมแซมฝายในลำน้ำต่างๆ

สำหรับการจัดงาน “รวมพลังแห่งความภักดี” ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทุกจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านทั่วประเทศ และคนไทยทั่วโลก ร่วมกันกล่าวปฏิญาณตน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และร่วมกันทำความดี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89 โดยสามารถทำดีด้วยกาย เช่น การทำความสะอาดศาสนสถาน, การให้บริการทางสาธารณะ, การเยี่ยมคนป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ, การอ่านหนังสือพิมพ์ให้ผู้พิการฟัง และการบำเพ็ญกุศลทางศาสนา การทำความดีด้วยวาจาโดยร่วมกันกล่าวปฏิญาณตน ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี การทำความดีด้วยใจ ร่วมกันปฏิบัติสมาธิภาวนา การแผ่เมตตา

ที่ จ.ลำปาง บริเวณข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และพสกนิกรชาวจังหวัดลำปางทุกหมู่เหล่า ร่วมกันประกอบพิธีถวายเครื่องราชสักการะ (พุ่มดอกไม้สด) เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร่วมร้องเพลงชาติ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อประกาศความจงรักภักดี เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมกับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ

ที่ศาลาประชาคมจังหวัดพะเยา นายณรงค์ศักดิ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ชมรม สมาคม สโมสร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป กว่า 1,000 คน รวมพลังแห่งความภักดี น้อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 89 พรรษา 5 ธันวาคม 2559 โดยการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดี สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากนั้นได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงความฝันอันสูงสุด เพลงต้นไม้ของพ่อ และร่วมกันเจริญจิตภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 89 วินาที

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เพื่อแสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีคุณูปการต่อพสกนิกรชาวไทยและชาวจังหวัดพะเยา ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่จังหวัดพะเยา รวมกว่า 18 ครั้ง และมีโครงการพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดพะเยามากกว่า 46 โครงการ โดยประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จะน้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระองค์มาปฏิบัติ เพื่อสนองพระราชปฏิภาณ (ปะ-ติ-พาน) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ให้คงอยู่ตลอดไป

ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายอุทิศ ตยาดีทาน ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยเสือเฒ่า นำชาวบ้านห้วยเสือเฒ่า พร้อมด้วยชาวกะเหรี่ยงคอยาวและชาวปกาเกอะญอกว่า 100 คน ร่วมงานรวมพลังแห่งความภักดี ที่ลานหมู่บ้านห้วยเสือเฒ่า อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยผู้ใหญ่บ้าน นำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนตามรอยพระยุคลบาท ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียง และเป็นพลเมืองดีของชาติ จากนั้นร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

บ้านห้วยเสือเฒ่า มีประชากรจำนวน 154 ครัวเรือนกว่า 800 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยง นอกจากนั้นยังมีกะเหรี่ยงคอยาวและกะยอ จากเมืองลอยก่อ รัฐคะยา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 28 ครอบครัวอพยพมาอาศัยพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ตั้งแต่ปี 2527 ต่อมาในปีพุทธศักราช 2536 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมและพระราชทานสิ่งของแก่ราษฎรบ้านห้วยเสือเฒ่า และรับสั่งกับประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จว่า “บ้านห้วยเสือเฒ่า เป็นบ้านเล็กในป่าใหญ่ คนอยู่กับป่าได้ ป่าอยู่กับคนได้ “ทำให้ราษฎร บ้านห้วยเสือเฒ่าร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้มาจนถึงทุกวันนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น