เผย 4 แนวทางการดำเนินงานของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เรื่องเร่งรัดการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายตามระบบ MOU พร้อมอำนวยความสะดวกในการตรวจสัญชาติและเร่งดำเนินการตามภารกิจของศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง/ศูนย์รวมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว พร้อมบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด
นายพงษ์ศักดิ์ ติ๊บธง มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ สาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ รายงาน นางเยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมติ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 เห็นชอบเกี่ยวกับมาตรการหลังสิ้นสุดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาวและเมียนมาโดยมีประเด็นที่กรมการจัดหางานต้องดำเนินการ คือ
1.เร่งรัดการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมายตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ (MOU) พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกการตรวจสัญชาติ ด้วยกัมพูชาจะเข้ามาดำเนินการแจกหนังสือเดินทาง เอกสาร ใช้แทนหนังสือเดินทางหรือเอกสารรับรองบุคคลให้กับแรงงานของตนที่ได้รับการตรวจสอบสัญชาติไว้แล้ว ซึ่งจุดแจกหนังสือเดินทางฯ อยู่ที่จังหวัดปทุมธานีชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ขณะที่เมียนมาจะตั้งศูนย์บริการตรวจสัญชาติให้กับแรงงานที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 29 กรกฎาคม 2559 ในจังหวัดตาก ระนอง สมุทรสาคร สมุทรปราการ และเชียงราย ส่วนลาวอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้ แรงงานที่ผ่านการตรวจสัญชาติหรือเคยผ่านการตรวจในชาติซึ่งได้รับหนังสือเดินทางเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหรือเอกสารรับรองบุคคล จะได้รับการตรวจลงตรา (VISA) และประทับตาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาตจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 และสามารถขออยู่ต่อและขออนุญาตทำงานได้อีกครั้งเดียวไม่เกิน 2 ปี
2.เร่งดำเนินการตามภารกิจของศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง เพื่อเป็นศูนย์อำนวยความสะดวกและให้ความรู้แก่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามระบบ MOU ตรวจสอบและพิจารณารับสิทธิ์ที่พึงได้รับของแรงงานเมื่อจะเดินทางกลับประเทศ และเป็นศูนย์พักรอแรงงานเดินทางกลับประเทศต้นทางเมื่อครบสัญญาจ้างโดยนำร่องใน 3 จังหวัด คือ ตาก สระแก้วและหนองคาย ซึ่งจากการดำเนินงานได้อบรมแรงงานต่างด้าวสัญชาติ กัมพูชาลาว และเมียนมา ไปแล้วจำนวนกว่า 15,000 คน และศูนย์รวมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือแรงงาน ต่างด้าวที่ประสบปัญหาด้านแรงงานและด้านอื่นๆ ด้วย ในจังหวัดเชียงใหม่มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาขอรับคำปรึกษา/แนะนำจากศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 134 เรื่อง 187 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2559) ส่วนใหญ่จะปรึกษาเรื่องการทำงานและสวัสดิการต่างๆ
3.ขยายระยะเวลาการอยู่ในราชอาณาจักรและอนุญาติทำงานของแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเลและกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 และกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ (รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวที่อายุไม่เกิน 18 ปี) ซึ่งใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ออกไปอีกจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เท่ากันทุกคน เพื่อเข้ารับการตรวจสัญชาติสำหรับแรงงานที่ผ่านการตรวจสัญชาติและได้รับหนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางเอกสารรับรองบุคคล จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและอนุญาตทำงานถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 และสามารถต่ออายุได้อีกครั้งเดียวไม่เกิน 2 ปี
4.ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว รวมถึงนายจ้าง สถานประกอบการ ตามนโยบาย “ผิดเป็นจับ ปรับเป็นแสน” โดยประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆเพื่อบังคับใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 และกฎหมายอื่นๆอย่างเคร่งครัด ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยไม่ให้แรงงานตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ได้อีกทางหนึ่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายคุ้มครองคนหางานและการทำงานของคนต่างด้าวสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่(สาขาย่อย) ศูนย์สินค้าเกษตรภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0 5311 2911-4 ในวันและเวลาราชการ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวปิดท้าย
ร่วมแสดงความคิดเห็น