อากาศหนาวจัด กรมควบคุมโรคชี้โอกาส…ปราบยุง

กรมควบคุมโรค เผยอากาศหนาวเย็น ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคจากยุงลายน้อยลง ชี้ช่วงนี้เป็นโอกาสทองในการลดการแพร่และป้องกันโรค พร้อมขอให้ประชาชนร่วมจัดการสิ่งแวดล้อมรอบบ้านและชุมชน

นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค (EOC) พบว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง ส่งผลต่อพฤติกรรมการออกหากินของยุง และแหล่งน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายก็ลดลง ส่งผลให้ช่วงนี้จำนวนผู้ป่วยโรคจากยุงก็น้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะยุงลายที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้เลือดออก

สถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัส ซิกาในประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (17-23 ธ.ค. 2559) พบผู้ป่วยรายใหม่เพียง 15 ราย ใน 11 จังหวัด ซึ่งจำนวนผู้ป่วยมีแนว โน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยพบสัปดาห์ละ 30-40 ราย ส่วนการเฝ้าระวัง และติดตามในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์นั้น ในขณะนี้มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ 80 ราย คลอดแล้ว 41 ราย ทารกทุกรายมีอาการปกติ ซึ่งทุกรายจะมีการติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่องจนกว่าจะคลอดและติดตามต่อเนื่องไปอีก 2 ปี ส่วนสถานการณ์โรคไข้เลือดออก พบว่าในปี 2559 จำนวนผู้ป่วยลดลงจากปีที่แล้ว กว่า 2 เท่า โดยแต่ละสัปดาห์ก็มีแนวโน้มลดลง อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 849 ราย

นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า แม้จะพบผู้ป่วยโรคจากยุงลายน้อยลงในช่วงนี้ แต่ประชาชนก็ไม่ควรประมาท ให้ถือโอกาสที่การแพร่โรคเกิดน้อย เราสามารถป้องกันโรคล่วงหน้าได้ ด้วยการเริ่มต้นดำเนินการที่บ้านของตนเองก่อน จากนั้นขยายไปสู่ชุมชนและสถานที่ส่วนรวม เช่น โรงเรียน วัด และสถานที่ทำงาน เป็นต้น โดยจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้ได้มากที่สุด ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ได้แก่ 1.เก็บบ้านให้สะอาด โปร่ง โล่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบ เป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะ เศษภาชนะรอบบ้าน โดยทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง 3.เก็บน้ำ สำรวจภาชนะใส่น้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิด ป้องกันยุงลายไปวางไข่ นอกจากนี้ต้องสำรวจหาลูกน้ำในภาชนะหรือสิ่งของที่มีน้ำขังทั้งภายในบ้านและบริเวณรอบๆ บ้าน เป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หากพบลูกน้ำให้กำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อป้องกัน 3 โรค คือโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ร่วมแสดงความคิดเห็น