ผู้ได้รับรางวัลสตรีผู้พิการดีเด่นประจำปี 2559 เผย ผู้พิการต้องพัฒนาและสร้างคุณค่าให้กับตนเองอยู่เสมอ พร้อมส่งกำลังใจถึงผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ให้ต่อสู้ชีวิตเพื่อผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปให้ได้
นางสาวสุดารัตน์ เทียนจักร์ อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดแพร่ ผู้ได้รับรางวัลสตรีพิการดีเด่นประจำปี 2559 ในงานวันคนพิการสากลจังหวัดแพร่ ประจำปี 2559 ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “คนพิการใต้ร่มพระบารมี : สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่กาดสามวัย เทศบาลเมืองแพร่ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 เปิดเผยถึงความรู้สึกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังประสบอุบัติเหตุตั้งแต่อายุ 13 ปี จนกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาทไขสันหลังขาด ทำให้ไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ช่วงอกลงไปถึงมือ แม้ต้องกลายเป็นคนพิการ แต่ยังได้รับกำลังใจจากครอบครัวและคนใกล้ชิดจึงทำให้ไม่รู้สึกท้อแท้ แต่กลับอยากสร้างโอกาสและพัฒนาตนเองให้มีคุณค่าอยู่เสมอ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 สาขาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และยังเป็นจิตอาสาทำงานร่วมกับมูลนิธิรณรงค์เมาไม่ขับ รวมทั้งออกเยี่ยมผู้ป่วย ผู้พิการร่วมกับทางโรงพยาบาลแพร่มากว่า 4 ปี
นอกจากนี้ยังมีผลงานการเขียนพ็อคเก็ตบุค “พลังที่ซ่อนอยู่” เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตนเองภายหลังประสบอุบัติเหตุ จนถูกนำไปทำเป็นหนังสั้นและได้รับรางวัลอีกด้วย โดยหวังว่าเรื่องราวชีวิตของตนเองอาจช่วยให้ผู้ที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวัง โดยเฉพาะผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้และผู้พิการได้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตและไม่ท้อถอยต่อความยากลำบากที่ประสบอยู่ในขณะนี้
นางสาวสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันคนพิการได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมทางสังคม รับรู้และเข้าใจเกี่ยวสิทธิประโยชน์ของผู้พิการมากขึ้น อาทิ บริการด้านการแพทย์ การศึกษา การประกอบอาชีพ บริการผู้ช่วยคนพิการ การปรับสภาพที่อยู่อาศัย การลดหย่อนภาษี สวัสดิการเบี้ยความพิการ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก และการสื่อสารสำหรับคนพิการ ดังนั้น คนพิการจึงควรแสดงศักยภาพที่มีออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับตนเองและไม่ให้เป็นภาระของสังคม
อย่างไรก็ตาม ยังอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมเรื่องการเรียน และการฝึกอาชีพสำหรับคนพิการที่ต้องการรับงานไปทำที่บ้าน เพื่อให้สามารถสร้างงานสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
ร่วมแสดงความคิดเห็น