สถานการณ์การใช้ วัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยว

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ข้อมูลการตรวจพบวัตถุกันเสีย ในเส้นก๋วยเตี๋ยวที่กำลังถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กหรือโปรแกร แชทไลน์ เป็นข้อมูลเก่าจากงานประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปี 2550 โดยเป็นการนำเสนอผลงานวิจัยของ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 อุบลราชธานี ที่ตรวจพบว่ามีการใช้วัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยวเกินเกณฑ์ ที่มาตรฐานกำหนด และจากการนำเสนอข้อมูลงานวิจัยนี้ ในปี 2551 กระทรวงสาธารณสุข โดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ได้ร่วมดำเนินงานภายใต้โครงการก๋วยเตี๋ยวอนามัยขึ้น ซึ่งมีมาตรการที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ ควบคุมเรื่องการใช้ปริมาณวัตถุกันเสียและสุขลักษณะการผลิตที่ดี (GMP) ส่งผลให้การใช้วัตถุกันเสียลดลง

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ได้ทำการติดตามผลการดำเนินงานโดยทำการตรวจวิเคราะห์วัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยวโดยวิธีทางห้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2555 – 2559 จากจำนวนตัวอย่างทั้งหมด 370 ตัวอย่าง ตรวจพบการใช้วัตถุกันเสียเกินมาตรฐานกำหนด 71 ตัวอย่าง (ร้อยละ 19.2) วัตถุกันเสียที่พบคือ กรดซอร์บิค ร้อยละ 3.1 และพบไม่เกินค่ามาตรฐานทุกตัวอย่าง โดยมีปริมาณที่พบอยู่ระหว่าง 102 – 414 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

นายแพทย์สุขุม กล่าวต่ออีกว่า กรดเบนโซอิค และกรดซอร์บิค เป็นวัตถุกันเสียที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ยีสต์ และรา เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกขับออกทางปัสสาวะได้ โดยอ้างอิงข้อมูลของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยวัตถุเจือปนอาหารขององค์การอาหารและเกษตรและองค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ (The Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives, JECFA) ซึ่งได้ประเมินและกำหนดค่าความปลอดภัย (ADI) แล้ว พบว่า มีความเป็นพิษต่อคนและสัตว์น้อยมาก และนอกจากนี้การบริโภคเส้นก๋วยเตี๋ยวจะต้องนำไปผ่านความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการต้ม ลวก หรือนึ่ง ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดไม่ทนความร้อนสามารถสลายตัวได้เมื่อถูกความร้อน

ทั้งนี้สถานการณ์การการตรวจพบวัตถุกันเสียในเส้นก๋วยเตี๋ยวที่จำหน่ายในกรุงเทพฯและปริมณฑลดีขึ้น กล่าวคือ พบวัตถุกันเสียเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดน้อยลงและปริมาณสูงสุดที่พบตํ่าลงมาก ดังนั้นผู้บริโภคไม่ควรตื่นตระหนก การเลือกซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวมาทำอาหารเพื่อบริโภค ให้เลือกที่มีฉลากที่ระบุสถานที่ผลิต วันที่ผลิตหรือวันหมดอายุ และไม่ควรรับประทานอาหารชนิดเดียวซํ้าๆ และบริโภคในปริมาณที่มาก สำหรับผู้ประกอบการร้านก๋วยเตี๋ยวควรเลือกซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีสถานที่ผลิตที่แน่นอน สามารถสอบย้อนกลับได้ สำหรับผู้ประกอบการโรงงานที่ผลิตต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีและได้มาตรฐานตามที่หน่วยงานรัฐกำหนด

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ในปี พ.ศ.2560 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารประเภทเส้นที่คนไทยนิยมบริโภคทั่วประเทศ เพื่อให้ทราบสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันและ นำมาประเมินความเสี่ยง เพื่อรายงานผู้บริโภคต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น