รถปูนปีศาจ พุ่งชนรถตู้ ตายเกลื่อนคาซาก รวมเบ็ดเสร็จ ตาย 9 เจ็บ 3 ส่วนจังหวัดอื่น เกิดเหตุเช่นกัน สังเวยระนาว อย่างสยดสยอง

สะเทือนขวัญ……….ที่เกิดเหตุรถปูนซิ่งเสียหลักหมุนคว้างข้ามเกาะกลางก่อนเข้าเมืองเชียงราย พุ่งชนรถตู้ ฝั่งตรงกันข้ามกระจุยทั้งคันและรถเก๋ง-กระบะ วิ่งตามมารับเคราะห์อีก 2 สลดพบศพตายคาซากทันที 8 ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 รวมเบ็ดเสร็จดับ 9 บาดเจ็บ 3 ตามข่าว

สะเทือนขวัญ! รถปูนซิ่งเสียหลักหมุนคว้างข้ามเกาะกลางก่อนเข้าเมืองเชียงราย พุ่งชน “รถตู้” ฝั่งตรงกันข้ามกระจุยทั้งคัน “เก๋ง-กระบะ” วิ่งตามมารับเคราะห์อีก 2 สลดพบศพตายคาซากทันที 8 ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 รวมเบ็ดเสร็จดับ 9 บาดเจ็บ 3 ส่วนอีก 2 จว.เกิดอุบัติเหตุสังเวยถนนกันระนาว

เมื่อเวลา 15.00น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ร.ต.อ.เดช ไชยวัฒน์ ร้อยเวร สภ.บ้านดู อ.เมือง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถโม่ปูนชนรถตู้บนถนนพหลโยธินบริเวณบ้านขัวแตะ หมู่ 12 ต.นางแล มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง ผกก.สภ.บ้านดู่ รับทราบ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยรุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนน 4 ช่องทางจราจร เจ้าหน้าที่ก็ต้องพบกับภาพอันน่าสยดสยองบนถนนฝั่งขาเข้าตัวเมืองเชียงราย เนื่องจากมีรถประสบอุบัติเหตุชนกันอย่างรุนแรงหลายคันจอดระเกะระกะขวางอยู่กลางถนนและกระเด็นไปอยู่ข้างทางรวมทั้งหมด 4 คัน ประกอบด้วย รถโม่ปูน 6 ล้อ ทะเบียน 81-6905 เชียงราย รถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 36-0031 เชียงใหม่ รถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนป้ายแดง และรถเก๋งฮอนด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ษท 8523 กรุงเทพมหานคร

โดยในซากรถแต่ละคันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บร้องโอดโอยขอความช่วยเหลือจำนวนมาก โดยพบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารรถตู้ซึ่งถูกชนจนได้รับความเสียหายมากที่สุด จนต้องมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ท่ามกลางสภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากต้องปิดการจราจรฝั่งที่เกิดอุบัติเหตุนานถึงกว่า 1 ชั่วโมง โดยให้รถที่ต้องการมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเชียงราย เบี่ยงไปใช้ช่องทางของถนนขาออก 1 เลนแทน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถบรรทุกโม่ปูนได้ขับขี่มาตามเส้นทางถนนขาออกจากตัวเมือง มุ่งหน้าไป อ.แม่จัน ส่วนคันอื่นๆ ขับมาจากทาง อ.แม่จัน มุ่งหน้าเพื่อเข้าตัวเมืองเชียงราย โดยรถตู้เป็นรถจากโรงแรมแห่งหนึ่งที่กำลังให้บริการพานักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าเมือง แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเส้นทางตรงปรากฎว่า รถโม่ปูนได้เร่งเครื่องขึ้นแซงรถจักรยานยนต์ด้านซ้าย แต่จู่ๆก็เสียหลักหมุนคว้างอยู่กลางถนนก่อนจะพุ่งข้ามเกาะกลางซึ่งเป็นคันดินไปยังถนนฝั่งตรงขาม แล้วพุ่งทับรถตู้อย่างรุนแรง ขณะที่รถกระบะซึ่งขับตามมาก็พุ่งเข้าชนท้ายรถตู้อย่างจังเช่นกัน นอกจากนี้รถโม่ปูนคันก่อเหตุยังหมุนคว้างไปทับรถเก๋งฮอนด้าที่ขับขนาดมากับรถตู้ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียชีวิต 8 รายนั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นคนขับรถโม่ปูนไม่ทราบชื่อ 1 ราย ที่เหลืออีก 7 ราย อยู่บนรถตู้ทั้งหมด ประกอบด้วย 1.นายขวัญเมือง จามิตร อายุ 54 ปี คนขับรถตู้ 2.นางเพ็ญศรี อาจหาญ อายุ 60 ปี 3.นางเอื้องคำ จามิตร อายุ 53 ปี 5.นางนินตา คำภีระ อายุ 49 ปี ส่วนอีก 2 รายยังไม่ทราบชื่อและนามสกุล

ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 4 ราย ประกอบด้วย ผู้โดยสารรถตู้ 2 ราย คือ น.ส.ศักดิ์ศรี คำฟู และ ด.ญ.ไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 13 ปี ส่วนอีก 2 ราย เป็นผู้โดยสารในรถเก๋งและรถกระบะที่ประสบอุบัติร่วมกัน คือ นางกุลพรรณ เฉลิมศักดิ์วิทยา อายุ 42 ปี และ นางกุลภรณ์ แขวงทรัพย์ อายุ 42 ปี ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ต่อมา น.ศ.ศักดิ์ศรี ได้เสียชีวิตลงอีก 1 ราย ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 9 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย

ส่วนที่จ.แพร่ อดีตพลทหารซิ่งเก๋งกลับบ้านชนเสาไฟฟ้าข้างทางพลิกหงายท้องดับคาที่ เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ร.ต.อ.ประดิษฐ์ ถิ่นสอน รองสารวัตรสอบสวน สภ.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ รับแจ้งจากสายตรวจตำบลบ้านถิ่นว่ามีเหตุรถยนต์เก๋งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ถนนสายบ้านถิ่น-ผ่าแดง หมู่ 7 เยื้องกับบ้านไร่หมู่กระทะ หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุร่วมกับ หน่วยกู้ภัยแถนหลวง หน่วยกู้ชีพร.พ.แพร่

เมื่อไปถึงพบเก๋งโตโยต้าวีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 2476 แพร่ พลิกหงายท้องหันหัวรถไปทางทิศตะวันออกหลังคารถยุบทับคนขับมาคนเดียวเสียชีวิต ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายประทวน หรือ เข็ม มุ้งทอง อายุ 35 ปี อดีตพลทหาร บ้านเลขที่ 60 หมู่ 7 บ้านแม่แคม ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันปิดวาวแก๊สซึ่งติดรถเก๋งและช่วยกันงัดศพผู้เสียชีวิตออกมา

จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตทำงานในร้านแอร์แห่งหนึ่งในตัวจังหวัดแพร่ ถามชาวบ้านที่มารับประทานอาหารที่ร้านบ้านไร่หมู่กระทะ เห็นรถเก๋งนายประทวนฯ วิ่งมาจากตัวเมืองแพร่ขับอย่างเร็วเลยโค้งชนเสาไฟฟ้า และหักหลบเป็นทางยาวประมาณ 20 เมตร จนทำให้รถเสียหลักพลิกหงายท้อง หลังคายุบ

รายสุดท้ายที่จ.ลำพูน หนุ่มซิ่งรถเสียหลักพุ่งชนขอบข้างทางดับคาที่ ก่อนจะมีรถมาทับหัว สมองไหลเต็มถนน เมื่อเวลา 20.02 น. วันนี้ (15 กพ. 60) ศูนย์วิทยุ 191 ลำพูน ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์รถเสียหลักพุ่งชนขอบข้างทางดับคาที่ บริเวณถนนเชียงใหม่-ลำปาง ขาล่อง หมู่ที่ 11 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จึงวิทยุแจ้ง ร.ต.อ. สุพจน์ นุกาศ ร้อยเวร สภ.เมืองลำพูน ก่อนจะรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตู้ยามป่าเห็ว เจ้าหน้าที่ กู้ชีพกู้ภัยอุโมงค์ กู้ชีพกู้ภัยบ้านกลาง กู้ชีพกู้ภัยเหมืองง่า กู้ภัย 2 อาสา 23 หน่วยกู้ชีพ กู้ภัยเคลื่อนที่เร็วนิคมลำพูน และแพทย์เวร เจ้าหน้าที่นิติเวช รพ.ลำพูน

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณข้างทาง บริเวณถนนเชียงใหม่-ลำปาง ขาล่อง หมู่ที่ 7 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เลยบริเวณแยกเทคโนหมู่บ้านครูภาคเหนือมาประมาน 500 เมตร พบศพชายไม่ทราบชื่อนอนเสียชีวิต สภาพสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ข้างในสวมเสื้อแขนสั้นสีแดง กางเกงสามส่วนสีเทา นอนเสียชีวิตศีรษะมีเลือดไหลออกปากนองพื้น สมองแตกตกกระจายเต็มถนน และใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินดำ หมายเลขทะเบียน 1 กณ 5674 เชียงใหม่ สภาพพังเสียหายล้มในน้ำข้างทางอยู่ห่างจากศพประมาณ 5 เมตร ทราบชื่อต่อมาคือ MR.SAI LATE อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 169/40 หมู่ที่ 12 ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

จากการสอบถามผู้ที่ผ่านถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ลำปาง แยกเทคโนหมู่บ้านครูภาคเหนือนั้นกำลังมีการก่อสร้างไหล่ทางใหม่ เบื้องต้นให้การตนได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วแล้วเสียหลักพุ่งไปชนขอบทางที่กำลังสร้างใหม่ จนทำให้เสียชีวิต ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จึงได้โทรไปแจ้งยัง 191 ลำพูน ก่อนที่กู้ชีพกู้ภัยอุโมงค์ จะมายังที่บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนร้อยเวรและแพทย์เวร เจ้าหน้าที่นิติเวช รพ.ลำพูนคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเกิดอุบัติเหตุเองและมีรถที่ตามหลังมาทับหัวอีก เพราะในช่วงนั้นทางมืดมากไม่มีไฟส่องสว่าง และข้างหน้าก็กำลังสร้างไหล่ทางใหม่จึงทำให้รถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวสงสัยเสียหลักพุ่งไปชนกับขอบทาง แต่ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น