เสนอ ‘รัฐ’ หนุนจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เปิด “โรงเรียนผู้ปกครอง” สร้างเด็ก “เก่ง 4 มีความสุข”

‘เชียงใหม่’ จัดงานปฏิรูปการศึกษาฯ ครั้งที่ 2 ยื่นข้อเสนอ ‘รัฐ’ หนุนจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เปิด “โรงเรียนผู้ปกครอง” แนะวิธีเลี้ยงลูกในศตวรรษที่ 21 สร้างเด็ก “เก่ง 4 มีความสุข”

จังหวัดเชียงใหม่ โดย “ภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา” องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เดินหน้าขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ จัดงาน “ปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ครั้งที่ 2” นำเสนอแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่เชื่อมโยงยุทธศาสตร์แผนการศึกษาแห่งชาติ ยื่น 4 ข้อเสนอแก่รัฐบาลเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ พร้อมเปิดโครงการ “โรงเรียนผู้ปกครอง” (Super Parent) เปลี่ยนมุมมองพ่อแม่ในการสนับสนุนการศึกษา แนะแนวคิดและวิธีการเลี้ยงลูกในโลกยุคดิจิตัลเพื่อสร้างเด็ก “เก่ง 4 และมีความสุข”

ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ จาก สถาบันห้องเรียนแห่งอนาคต กล่าวในการเปิดการอบรมโรงเรียนผู้ปกครองในงาน “ปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ครั้งที่ 2” ว่า ปัญหาของเด็กไทยวันนี้คือไม่รู้ว่าโตขึ้นมาจะไปเป็นอะไรมองอนาคตไม่เห็น มีหน้าที่เรียนก็เรียนตามกันไปตามหลักสูตรที่เหมือนๆ กัน วันนี้ผู้ปกครองต้องถามตัวเองว่าความสำเร็จของลูกที่พ่อแม่ทุกคนต้องการคืออะไร? ใช่ 3 ข้อนี้หรือไม่ “มีงานที่มั่นคง มีรายได้ดี และมีความสุขในการทำงาน” วันนี้ความมั่นคงกับรายได้สูงไม่ได้ขึ้นกับวุฒิหรือใบปริญญาอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งการรับราชการก็ไม่มั่นคงและไม่ใช่ว่าจะมีความสุขดังจะเห็นจากข่าวคราวต่างๆ อยู่เสมอ

“ดังนั้นผู้ปกครองต้องมองวันนี้และมองไปถึงอนาคตข้างหน้า เพราะเราไม่ได้จะพาลูกของเราย้อนเวลากลับไปหาความสำเร็จในอดีตหรือในสมัยของเรา และเราไม่สามารถที่จะใช้วิธีการเดิมๆ เช่นตั้งใจเรียน เข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด คณะที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของความมั่นคงและรายได้สูงอีกต่อไปแล้ว แต่เราจะต้องสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกของเรามี 4 เก่งให้ได้”

โดย “4 เก่ง” ที่ ดร.พิริยะ กล่าวถึงนั้นหมายถึง “เก่งเรียน” ที่ไม่ใช่เรียนเก่ง แต่หมายความถึงเก่งที่จะศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ไม่รู้อะไรก็หาความรู้ทันที ซึ่งพ่อและแม่ต้องสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับลูก
“เก่งงาน” ต้องทำงาน การทำงานหมายถึงการฝึกทักษะต่างๆ ซึ่งทักษะนั้นไมได้เกิดขึ้นจากการท่องจำแต่จะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ เด็กจะต้องรักการทำงาน ไม่ดูถูกงาน การทำงานจะทำให้เกิดทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการพูดคุย เห็นคุณค่าของงาน ไม่เลือกงาน เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ เห็นว่าการมีเงินแต่ไม่ทำงานนั้นไร้คุณค่า โดยจะต้องเริ่มจากงานในบ้านที่เกี่ยวกับตัวเอง

“เก่งที่ 3 คือ เก่งคิด วันนี้เราไม่เคยถามความต้องการของเด็ก กฎและระเบียบต่างๆ ในโรงเรียนรวมไปถึงการสอนแบบเดิมๆ ทำให้เด็กหมดโอกาสที่จะคิด ถ้าเด็กไม่ฝึกให้เขาคิดตั้งแต่วันนี้โตขึ้นไปแล้วเขาจะคิดได้อย่างไร ดังนั้นทั้งครูต้องเปลี่ยนวิธีการสอน พ่อแม่ต้องมีส่วนกระตุ้นช่วยให้เด็กติด เพราะโลกในวันนี้เกิดอาชีพหรือธุรกิจใหม่ขึ้นมาตลอดเวลาจากความคิด อย่าง Uber Grab หรือ Airbnb เจ้าของไม่ได้มีรถไม่ได้มีโรงแรมเป็นของตัวเองสักแห่ง แต่ก็ประสบความสำเร็จได้เพราะความคิด วันนี้ทั้ง เก่งเรียน เก่งงาน และเก่งคิด ยังเป็นเป้าหมายของพลโลกในทศวรรษที่ 21 ถ้าเราสนับสนุนทั้ง 3 ข้อนี้ให้เกิดขึ้นได้ลูกของเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

“บทบาทของผู้ปกครองในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราต้องให้โอกาสเขาได้ลองทำในสิ่งที่ถูกและผิด ความผิดที่ไม่เหมือนที่เราคิดก็ต้องให้เค้าได้ลองทำ อยากทำอะไรบอกเขาว่าดี สร้างความมั่นใจให้กับเขา อนาคตของลูกไม่ใช่อนาคตของเรา ให้ความเชื่อมั่นและให้ความสนับสนุน อย่าไปดึงลูกกลับมาสู่อดีต หรือไปสู่อนาคตที่เราฝัน สุดท้ายก็คือการให้ความรัก การเลี้ยงลูกแบบตามใจลูกนั้นยาก เราจึงมักจะเลี้ยงลูกแบบตามใจเรา ต้องถามตัวเองว่าเราศรัทธาในตัวเขาหรือไม่ ให้โอกาส สนับสนุนความคิดของเขาด้วยความรัก ซึ่งโรงเรียนผู้ปกครองก็คือการทำให้ผู้ปกครองหันกลับมามองลูกของตัวเอง ซึ่งเชียงใหม่ถือว่าเป็นที่แรกของประเทศที่มีโรงเรียนแบบนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ชาวเชียงใหม่ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องการมาช่วยกันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อการการศึกษาของคนเชียงใหม่” ดร.พิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ สรุป

โดย จังหวัดเชียงใหม่ และ ภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา นำโดย นายไพรัช ใหม่ชมภู เลขานุการภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา ได้ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อต่อรัฐบาลและสังคมไทยให้สนับสนุนแนวคิดการศึกษาเชิงพื้นที่ ภายในงาน ปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ครั้งที่ 2 ประกอบไปด้วย 1) เสนอให้ ใช้ ม.44 ให้ กศจ. ทำงานร่วมกับ ภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา ผ่านแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ แผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการต่อยอดและทำให้เห็นผลในเชิงปฏิบัติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ 2) ภาคีเชียงใหม่ฯ จะทำให้การปฏิรูปการศึกษาของพื้นที่ สอดคล้องไปกับแผนการศึกษาแห่งชาติ ระยะ 20 ปี ด้วยการสนับสนุนและพัฒนาครูพันธุ์ใหม่โดยเชื่อมโยงกับการผลิตครูโครงการอื่นๆ ลดความเหลื่อมล้ำในการจัดการศึกษา ตั้งโมเดลโรงเรียนเท่าเทียมกัน และจัดตั้งกองทุนการศึกษาเชียงใหม่ 3) ขอให้รัฐบาลดำเนินตามข้อเสนอของภาคีเชียงใหม่ฯ ที่เสนอไปในปี 2558 ทั้ง 7 ข้อ และ 4) เสนอให้รัฐบาลเร่งรัดการกระจายอำนาจ และงบประมาณลงในการบริหารจัดการการศึกษาเชิงพื้นที่

นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริหารสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) กล่าวว่าจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งใน 14 จังหวัดที่ทำงานร่วมกับ สสค. ในการปฏิรูปการศึกษา ภายใต้ โครงการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้ หรือ โครงการการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ Area-based Education (ABE)

“การจัดงานปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ครั้งที่ 2 เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปี ของการประกาศใช้ แผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาเชียงใหม่ ระยะ 4 ปี (พ.ศ.2559-2562) โดยได้มีการนำเสนอประสบการณ์จัดการศึกษาผ่าน 16 ห้องการเรียนรู้ ที่ถือเป็นรูปธรรมของความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือการจัดการศึกษาของภาคีเชียงใหม่ฯ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า การย่อส่วนปฏิรูปการศึกษาที่ใช้พื้นที่เป็นฐาน ให้พื้นที่สามารถกำหนดทิศทางการศึกษาของเด็กเยาวชนของตนเอง ควรได้รับการขยายผลให้เป็นทิศทางของการปฏิรูปการศึกษาของประเทศต่อไป” นายพัฒนะพงษ์ กล่าวสรุป

ร่วมแสดงความคิดเห็น