ไฟไหม้บ้านชาวเขา 10 ชีวิตไร้ที่อยู่ สารภีไหม้ โรงลำไย

ไร้ที่อยู่…………สภาพเพลิงไหม้บ้านชาวเขาพื้นที่บ้านดอยป่าคา หมู่ 11 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จำนวน 2 หลังส่งผลให้ราษฎรกว่า 10 ชีวิตไร้ที่อยู่อาศัย โดยทางเจ้าหน้าที่ ปภ.และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเดินทางเข้าตรวจสอบและช่วยเหลือเยียวยา โดยการมอบถุงยังชีพ ผ้าห่มช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว

ระทึก! เพลิงไหม้บ้านชาวเขา วอดวาย 2 หลังติด เจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกันควบคุมเพลิงได้ทันหวิดลุกลามเป็นวงกว้าง ส่วนสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร ลุกไหม้คัทเอาท์เนื่องจากเสื่อมสภาพ ส่วนเจ้าของบ้านวิ่งหนีเอาตัวรอดได้ทัน ล่าสุดด้านเจ้าหน้าที่ ปภ.และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเดินทางเข้าตรวจสอบและช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแล้ว ส่วนที่ อ.สารภี ไฟไหม้กองไม้ขนาดใหญ่ เปลวเพลิงลามติดโรงงานอบลำไยหวิดวอดทั้งโรง โชคยังดีรถดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดได้ทัน ค่าเสียหาย 2 แสน

เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.30 น. วันที่ 26 ก.พ.60 โดยทาง ร.ต.อ.ยศมีเกียรติ มโนส้าว รองสารวัตรสอบสวน สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า เกิดเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านชาวเขาในพื้นที่บ้านดอยป่าคา หมู่ 11 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังทราบเรื่องจึงได้รีบรายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบ และเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกันกับทางเจ้าหน้าที่สายตรวจของสถานี ซึ่งเมื่อเดินทางเข้าไปถึงยังที่เกิดเหตุ พบว่าทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมทั้งชาวบ้านในระแวกได้ช่วยกันทำการดับเพลิงจนสามารถควบคุมได้แล้ว โดยเพลิงได้ลุกลามไหม้บ้านเสียหายไปทั้งสิ้น 2 หลัง ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านที่มุงด้วยไม้ไผ่ หลังคาสังกะสี ทั้ง 2 หลัง คือบ้านเลขที่ 394 และ 397 เนื่องจากลักษณะของบ้านมีการปลูกสร้างติดกัน และจากการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินทั้งหมดถูกไฟไหม้เสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า บ้านเลขที่ 394 มีผู้อาศัยอยู่รวมทั้งสิ้น 5 คน ประกอบด้วย นายอาบอ ร่มนุกุล, นางนาโดคา ร่มนุกุล, นางสาวอาโช่ ร่มนุกุล, นางสาวพรวลัย ร่มนุกุล และ ด.ญ. นิชา ร่มนุกุล ส่วนบ้านเลขที่ 397 มีผู้อาศัยอยู่รวมทั้งสิ้น 5 คนเช่นกัน ซึ่งประกอบด้วย นายอาบู ยื่อบ๊อ, นางหมี่ยึ่ม ยื่อบ๊อ, นางสาวหมี่เมอ ยื่อบ๊อ (พิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้), นายอาดื่อ ยื่อบ๊อ และ นายดนัย ยื่อบ๊อ โดยระหว่างที่เกิดเหตุทั้งหมดได้รีบวิ่งหลบหนีออกมาจากบ้านได้ทัน และได้พยายามช่วยกันดับเพลิงแต่ก็ไม่ทันการ เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้บ้านและทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด

ทั้งนี้ จากการสอบถามทางผู้เสียหายทราบว่า ต้นเพลิงได้มาจากบ้านเลขที่ 394 โดยได้เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และลุกไหม้คัทเอาท์ที่อยู่กลางบ้าน ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตัวบ้านทำจากไม้ไผ่ โดยระหว่างเกิดเหตุคนในบ้านได้พากันวิ่งหนีออกมา ก่อนจะเรียกให้ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงช่วยกันดับไฟ แต่เนื่องจากบ้านทั้ง 2 หลังสร้างติดกันจึงทำให้ไฟลุกไหม้ติดมาอย่างรวดเร็ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าช่วยเหลือ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ได้เข้ามาที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วนแต่เนื่องจากเส้นทางที่เข้าไปในที่เกิดเหตุเป็นทางแคบและเนินเขาจึงทำให้เข้าไปได้ยาก รถบางคันจึงไม่สามารถเข้าไปได้ จนสุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันดับเพลิงไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้างได้ในที่สุด แต่บ้านทั้ง 2 หลังก็เสียหายวอดวายแล้ว

อย่างไรก็ตามหลังจากเพลิงสงบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานเพื่อรายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบ โดยล่าสุดทางด้านนายธีรเดช ขัติยะ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ สาขาฝาง ได้มอบหมายให้ นางสาววันวิสา ยศสว่าง ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ และ นายวรวุฒิ ปัททุม ตำแหน่งพนักงานประจำสำนักงาน เดินทางเข้าไปทำการช่วยเหลือมอบถุงยังชีพ ผ้าห่ม ให้แก่ชาวบ้านที่ประสบภัยแล้ว พร้อมทั้งจะได้ทำการแจ้งประชาสัมพันธ์เพื่อรับบริจาคความช่วยเหลือจากประชาชนอีกทางหนึ่ง ส่วนค่าความเสียหายและสาเหตุที่แน่ชัดนั้นจะได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการเข้าดำเนินการทำการตรวจสอบต่อไป

หวิดลามวอด…………….เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกไหม้กองไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับโรงงานอบลำไยในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โชคยังดีสามารถสกัดเอาไว้ได้ทัน ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 2 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 เวลาประมาณ 04.30 น. ร.ต.อ.นพดล เอกจิต พนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กองไม้ที่ใช้อบลำไย ที่โรงอบลำไยแห้งธัญญารัตน์ หมู่ที่ 4 ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จึงประสานรถดับเพลิงในพื้นที่และใกล้เคียงรุดไปช่วยเหลือดับไฟ พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนจะร่วมกับ พ.ต.อ.ไพรัช คุ้มล้วนล้อม ผกก. ไปสอบสวน

ที่เกิดเหตุพบว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำดับไฟที่ลุกไหม้กองไม้กำลังจะลุกลามไปไหม้โรงงานอบลำไย จากการสอบสวนทราบชื่อนายวุฒิภัทร ต้นวรรณา เป็นเจ้าของกิจการ โดยรถดับเพลิงทางเทศบาลในพื้นที่ และตำบลใกล้เคียง ช่วยกันดับเพลิง จำนวน 7 คัน ใช้เวลา 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่เพลิงยังดับไม่สนิทเนื่องจากเป็นกองไม้ขนาดใหญ่ จึงต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้ไม่ให้ไฟประทุขึ้นอีก

ตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ค่าเสียหายประมาณสองแสนบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น