ผักหวานไข่มดแดง เมนูโอชะ ชาวบ้าน เก็บมาขาย รวยกันทั่ว

ผักหวานป่า………ชาวบ้าน บ้านท่าเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ และชาว อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ พากันนำเอาผักหวานป่ามาวางขายให้กับผู้ที่สัญจรไปมาบริเวณถนนทางหลวงที่ 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ปากทางเข้า อ.แม่แจ่ม สามารถสร้าง รายได้ให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนมากในช่วงหน้าร้อนนี้

ชาวบ้านนำผักหวานป่า-ไข่มดแดงมาวางขายริมถนน สายฮอด – แม่สะเรียง บริเวณ ปากทางเข้า อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำช่วงนี้ พร้อมวอนหยุดเผาป่าเพราะอันตรายต่อสุขภาพและอาจจะถูกดำเนินคดี

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 มี.ค.60 ที่บริเวณริมถนนปากทางเข้า อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่าง อ.ฮอด กับ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านท่าเรือ จ.เชียงใหม่ ได้พากันทำเพิงพักข้างทางเพื่อตั้งโต๊ะขายผักหวานป่า และไข่มดแดง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีเป็นจำนวนมากแล้ว และเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบของป่าดังกล่าวนำไปทำเป็นอาหารอันโอชะ ต่างแวะเวียนมาซื้อกันตลอดเวลา จนสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่หาของป่ามาวางขายในช่วงนี้ ชาวบ้านบางคน สามารถมีรายได้มากถึงวันละ 1,000 บาท

นางบัวเงิน จุมปาจม แม่ค้าขายผักหวาน วัย 48 ปี กล่าวว่า ทุกวันนี้ ชาวบ้านท่าเรือ จ.เชียงใหม่ เริ่มมีเงินจับจ่ายใช้สอยในครอบครัวได้อย่างคล่องมือ เนื่องจากผลผลิตจากป่า เช่นผักหวาน และ ไข่มดแดง เริ่มออกมาให้ชาวบ้านไปเก็บนำมาวางขาย สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องตื่นเช้าตั้งแต่ตี 5 ของทุกวัน เพื่อเตรียมเข้าป่าหาผักหวาน มาวางขาย บางวัน ก็ว่างจากการขายผักหวาน ก็จะเข้าป่าแหย่เอาไข่มดแดงมาวางขายที่เพิงพักปากทางเข้า อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่แห่งนี้ ในปีที่ผ่าน ๆ มา ชาวบ้านมีรายได้จากการขายผักหวานและไข่มดแดงคนละเกือบหมื่นบาท ต่อเดือน แต่รายได้ดังกล่าวก็จะมีช่วงสั้น เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น ผักหวานก็จะแก่ มดแดงก็จะกลายเป็นแม่เป้ง วนเวียนอยู่แบบนี้ตลอดไป

นอกจากนี้ นางบัวเงิน ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ไฟป่าในปีนี้ สถานการณ์เบาบางลงกว่า ปีก่อนๆ ชาวบ้านที่อยู่กับป่าอย่างพวกตน ได้ติดตามข่าวจากทางทีวี ทราบว่าทางการ ห้ามมีการเผาป่า จึงได้บอกกับครอบครัวว่าห้ามมีการเผาทุกชนิดเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดหมอกควันพิษปกคลุมเมือง อีกทั้งหากจับได้จะต้องติดคุกติดตาราง จึงไม่มีใครจะกล้าเผา และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่พวกตนไม่เผาป่าเพราะ มีอาชีพเสริมด้วยการเลี้ยงวัว หากเผาป่าวัวก็จะไม่มีหญ้ากิน ดังนั้นที่หมู่บ้านของตนในปีนี้จึงไม่มีใครกล้าเผาเศษไม้ใบหญ้า อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากเตือนไปยังผู้ที่เข้าป่าหาของป่า ขอร้องอย่าเผาป่าเพราะลุกลามไหม้และกลายเป็นหมอกควันพิษปกคลุมเมือง เป็นอันตรายต่อสุขภภาพ และพวกตนขอยืนยันว่าในหมู่บ้านไม่มีใครเผาป่าแน่นอน เพราะทั้งชีวิตอาศัยอยู่กับป่ามีรายได้จากป่า หากป่าสมบูรณ์พวกตนก็มีรายได้มากขึ้นตามไปด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น