ขยายสนามบิน เชียงใหม่ ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย เวทีถกแจงปัญหา พื้นที่ไม่เหมาะสม ต้องหาแหล่งใหม่

จี้ให้ย้าย………..ที่โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว การท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 กรณีการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ เสียงส่วนใหญ่ของผู้เข้าประชุมจี้ให้ ทอท. สร้างสนามบินแห่งใหม่ ตามข่าว

เวทีรับฟังความเห็นประกอบ EIA พัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ครั้งแรกเกือบทั้งห้องประชุมจี้การท่าฯ จัดหาที่สร้างสนามบินแห่งใหม่ ชี้การจะขยายสนามบินเดิมไม่คุ้มกับการลงทุนและจะสร้างปัญหาทั้งภายในและโดยรอบสนามบิน เผยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองเชียงใหม่เคยให้ความเห็นความไม่เหมาะสมของพื้นที่สนามบินเดิมแล้ว ชี้ชัดเครื่องบินลง 2 นาทีต่อลำส่งผลกระทบต่อการจราจรนอกสนานบินแน่นอน แจงชัดเขตการบินมีตึกสูงอย่างอาคารสุจิณโณทุกเที่ยวบินล้วนมีความเสี่ยง หากมีเหตุไม่คาดคิดเครื่องบินชนโรงพยาบาล ถามตรงว่า “การท่าฯ จะทำอย่างไร”

วันที่ 14 มี.ค.60 ที่ห้องป่าสักหลวง โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว การท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ แผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่

นายจตุกร ศรีดิษฐ ผู้อำนวยการส่วนแผนจัดการสิ่งแวดล้อม บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 ซึ่งครอบคลุมในส่วนของส่วนราชการ และประชาชนในเขตอำเภอเมือง อำเภอสารภี และอำเภอหางดง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายในรัศมี 5 กิโลเมตรโดยรอบท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่อาจจะได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม อันเป็นกลุ่มเป้าหมายตามข้อกำหนดของกฎหมายในการต้องจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ทอท. ได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเพื่อให้ท่าอากาศยานมีความยั่งยืนในการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศ ปริมาณผู้โดยสาร รวมทั้งกิจกรรมการบินที่เกิดขึ้นในอนาคตโดยแบ่งงานออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 แผนระยะสั้นและระยะกลาง (ปี 2559-2568) มีเป้าหมายรองรับการจราจรทางอากาศได้ถึงปี 2573 รองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี และช่วงที่ 2 แผนพัฒนาระยะยาวปี 2569-2573 มีเป้าหมายเพื่อรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศได้ถึงปีพ.ศ.2578 รองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปี

ผู้อำนวยการส่วนแผนจัดการสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า ที่จริง ทอท. มีการศึกษา EIA ไปแล้วเมื่อปี 2548 แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงการจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาและจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ เพื่อทบทวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรการป้องกันแก้ไขให้สอดคล้องกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีการลงพื้นที่สำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงหลังสงกรานต์และจะเริ่มกระบวนการสำรวจผลกระทบทางเสียง โดยกำหนดเป็นโซนทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบในปัจจุบันและอนาคต

“การศึกษาจะใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี และหลังประเมินผลกระทบต่างๆ แล้วจะกำหนดมาตรฐานในการป้องกันและแก้ไข ติดตาม ตรวจสอบตามข้อกังวลและห่วงใยของประชาชน และจัดเวทีเพื่อนำผลศึกษาที่ได้วิเคราะห์และประมวลผลอีกครั้งประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม 2560 ซึ่งขอบเขตการศึกษาขึ้นอยู่กับผลกระทบต่างๆ ซึ่งจะได้นำความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบไปปรับปรุงและเพิ่มมาตรการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ต่อไป” นายจตุกร ศรีดิษฐ กล่าว

ทั้งนี้ในที่ประชุมช่วงที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็น ประชาชนเกือบทุกรายแสดงความเห็นในประเด็นอันเป็นทิศทางเดียวกันคือ ไม่ควรที่ ทอท. จะจัดงบประมาณเพื่อมาปรับปรุงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เห็นควรให้มีการจัดสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งใหม่โดยควรที่จะเริ่มดำเนินการได้แล้ว ทั้งนี้สอดคล้องกับความเป็นของนักผังเมืองจากสำนักโยธาธิการและผังเมืองเชียงใหม่

โดย นายวีระยุทธ วงศ์คำใส นักผังเมือง สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในความเห็นด้านเมืองมองว่าความหนาแน่นเขตเมืองมากเกินไป น่าจะมีทางเลือกในการใช้ระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมโยงกับสนามบิน เพราะเมื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์ในสถานที่แม้จะเป็นภายในเขตสนามบินแต่ก็ล้นมาภายนอก โดยเฉพาะเรื่องการจราจรที่เป็นอัมพาตทั้งช่วงเช้าและเย็น และอนาคตหากเพิ่มจำนวนเที่ยวบินไปถึง 34 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ความหนาแน่น 2 นาทีต่อลำ ซึ่งถือว่าถี่มากและทำให้การคมนาคมขนส่งภายนอกสนามบินมีปัญหาอย่างมาก อีกทั้งยังจะไม่สามารถแข่งขันกับสนามบินอื่นได้ เป็นปัญหาต่อการใช้สนามบินในอนาคต

“ในเรื่องความปลอดภัยต่อทางเดินอากาศ เพราะเวลาจะก่อสร้างอาคารจะมีการสอบถามเรื่องความสูง แต่ตอนนี้มีอาคารหลายแห่ง 3-4 ตึกที่สร้างสูงเกินกว่าที่จะเป็นเส้นทางบินและมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการเดินอากาศ แต่เป็นโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นอาคารสุจิณโณ ตึกรอบๆ สูงเกินกว่ากฎหมายการเดินอากาศ และทุกเที่ยวบินก็เสี่ยง ถ้าหากเครื่องบินชนโรงพยาบาลจะเอาคนเจ็บไปไหน การท่าฯ จะทำอย่างไร” นายวีระยุทธฯ กล่าว

นักผังเมืองฯ ยังกล่าวอีกว่า การออกแบบในพื้นที่เขตเมืองควรจะกำหนดพื้นที่เปิดโล่ง อาคาร ที่จอดรถ อาคารต่างๆ ส่วนของหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาให้ชัดเจน เพราะใช้สนามบินร่วมกับทหารแต่การใช้พื้นที่ตอนนี้ก็ยังไม่สอดคล้อง และเมื่อมีการปรับปรุงและขยายได้ แต่หากมีการศึกษาและย้ายไปที่ใหม่น่าจะวางผังและวางระบบได้ดีกว่า เพราะกรมโยธาฯ เคยพาการท่าฯ ไปดูพื้นที่เขตรัศมี 60 กิโลเมตรไปแล้ว ซึ่งสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นว่า ทอท. ควรจะไปศึกษาการสร้างสนามบินแห่งใหม่มากกว่าที่จะมาศึกษาเพื่อขยายและปรับปรุง เพราะการสร้างสนามบินแห่งใหม่ต้องใช้เวลาอีกนานแต่จะคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากกว่าปรับปรุงหรือขยายที่มีอยู่เดิม

ร่วมแสดงความคิดเห็น