“พระรอด” วัดมหาวัน ของดีเมืองลำพูน

ในอดีตแม้กระแสจตุคามรามเทพ จะระบาดไปทั่วประเทศ มีศรัทธาประชาชนจำนวนมากห้อยจตุคามรามเทพ ทั้งที่รู้และไม่รู้ถึงที่มาที่ไป บางคนห้อยเพราะเห่อตามกระแสจะองค์ไหนรุ่นไหนก็ได้ บางคนห้อยเพราะแรงศรัทธา
ไม่เว้นแม้แต่ในแผ่นดินล้านนา จตุคามรามเทพได้แพร่ขยายเข้ามา จนเมื่อเวลาเดินทางผ่านวัดไหนก็จะเห็นป้ายพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพแทบทุกวัด สนนราคามีให้เช่าตั้งแต่องค์ละ 99 บาทไปจนถึงองค์ละ 599 บาท หรือบางทีองค์ละหลายพันก็ยังมี ทว่าถ้าไปถามในบรรดาพุทธศาสนิกชนคนเมืองล้านนาในรุ่นเก่าแล้ว หลายคนไม่ได้สนใจกระแสจตุคามรามเทพมากนัก เพราะว่าจตุคามรามเทพมีถิ่นกำเนิดไม่ได้อยู่ในภาคเหนือ ดังนั้นจะให้คนรุ่นเก่าเข้าถึงศรัทธาคงเป็นไปได้ยาก

จะว่าไปแล้ว สิ่งที่คนภาคเหนือ (โดยสายเลือดแท้ ๆ) นิยมห้อยกันคงหนีไม่พ้นพระเครื่องของเกจิที่มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ห้อยเหรียญครูบาศรีวิชัย ห้อยเหรียญหลวงปู่แหวนสุจิณโณ ห้อยพระรอดวัดมหาวัน เป็นต้น โดยเฉพาะพระรอดวัดมหาวันลำพูน ถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลที่มีอายุเก่าแก่เกินกว่า 1,000 ปี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในพระเครื่องเบญจภาคี

นักนิยมพระเครื่องหลายต่อหลายคนเมื่อมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดลำพูน ส่วนใหญ่ไม่พลาดที่จะแวะเข้าไปที่วัดมหาวัน วัดแห่งนี้นอกจากจะเป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวีแล้ว วัดนี้ยังเป็นต้นตำนานของพระรอดเมืองลำพูน ที่นักสะสมพระเครื่องต่างต้องการมีไว้ครอบครอง

ผมเองแม้ว่าจะไม่ใช่นักเลงเล่นพระตัวยงแต่กระนั้นผมก็ยังห้อยคอด้วยพระรอดพิมพ์เล็กที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แม้สนนราคาค่าเช่าจะไม่สูงมากนักแต่การที่ผมเป็นคนลำพูนโดยกำเนิดจึงไม่อายใครและเต็มใจที่จะห้อยพระรอดอย่างภาคภูมิ

หลายท่านอาจสงสัยว่าพระรอดวัดมหาวันลำพูนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมถึงมีราคาเช่าสูงนัก ผมอาจจะไขคำถามต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจนนักเพราะว่าไม่ใช่คนเล่นพระ แต่ถ้าจะถามถึงประวัติความเป็นมาของพระรอดและวัดมหาวันละก็ พอจะตอบได้บ้าง !?!

เป็นที่รู้กันดีว่าวัดมหาวันลำพูนเป็นต้นกำเนิดของพระรอด ถ้าลองย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.1200 เศษเมื่อมีฤาษีสององค์นามว่า วาสุเทพฤาษีและสุกกทันตฤาษี ซึ่งทั้งสองเป็นพระสหายกันได้ปรึกษาหารือตกลงที่จะสร้างเมืองใหม่ขึ้นทางริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำกวง เมื่อพระฤาษีทั้งสองสร้างเมืองแล้วเสร็จจึงได้ให้ควิยะบุรุษเป็นทูตไปอัญเชิญพระนางจามเทวีราชธิดาของพระเจ้ากรุงละโว้ขึ้นมาปกครองเมืองพร้อมด้วยข้าราชบริพาร พระสงฆ์ พราหมณาจรรย์ โหราราชบัณฑิต แพทย์และช่างต่าง ๆ อย่างละ 500

พระนางจามเทวีทรงใช้เวลาเดินทางโดยล่องขึ้นมาตามแม่น้ำปิงนานกว่า 7 เดือน จากบันทึกจามเทวีวงศ์พงศาวดารเมืองระบุว่า เมื่อพระนางจามเทวีเสด็จมาถึงนครหริภุญชัยได้ 7 วันก็ทรงประสูติพระโอรสทั้งสองพระองค์คือ อนันตยศและมหันตยศ หลังจากนั้นวาสุเทพฤาษีและสุกกทันตฤาษีพร้อมด้วยประชาชนพลเมืองจึงได้พร้อมใจกันจัดพิธีราชาภิเษกพระนางจามเทวีขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์เสวยราชสมบัติในเมืองหริภุญชัย

เมื่อพระนางจามเทวีเสด็จขึ้นครองเมืองหริภุญชัยแล้ว พระองค์จึงได้ชักชวนอาณาประชาราษฏร์ให้ร่วมกันสร้างพระอารามใหญ่น้อยเพื่อถวายแด่พระรัตนตรัย ทั้งยังเป็นที่พำนักของพระสงฆ์ที่มาจากกรุงละโว้ ซึ่งวัดต่างที่พระนางจามเทวีได้ทรงสร้างขึ้นมีอยู่ 5 วัดด้วยกัน

วัดอรัญญิกรัมมาราม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ปัจจุบันคือวัดดอนแก้วรวมกับวัดต้นแก้ว

วัดมูลการาม อยู่ทางทิศใต้ คือวัดกู่ละมัก (ลมักกัฏฐะ) ปัจจุบันคือวัดรมณียาราม

วัดอาพัทธาราม อยู่ทางทิศเหนือ ปัจจุบันคือวัดพระคงฤาษี

วัดมหาลดาราม อยู่ทางทิศใต้ ปัจจุบันคือวัดประตูลี้

วัดมหาวนาราม อยู่ทางทิศตะวันตก ปัจจุบันคือวัดมหาวัน

เมื่อสร้างวัดขึ้นทั้ง 5 วัดแล้ว พระนางจามเทวีก็ได้สร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ทั้ง 5 วัด ส่วนวาสุเทพฤาษีและสุกกทันตฤาษี จึงได้มาปรารภกันว่าเมืองหริภุญชัยนครนี้มีสตรีเป็นเจ้าผู้ครองนคร ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีข้าศึกมารุกราน ทั้งสองจึงได้ปรึกษาหารือที่จะสร้างเครื่องลางของขลังไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชารักษาบ้านเมืองและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารและอาณาประชาราษฏร์ จึงได้ผูกอาถรรพ์ไว้ตรงใจกลางเมืองแล้วจัดหาดินลำพูนทั้ง 4 ทิศพร้อมด้วยว่านอีกหนึ่งพันชนิดและเกสรดอกไม้มาผสมเข้าด้วยกันกับเวทย์มนต์คาถาจากนั้นคลุกเคล้ากันจนได้ที่จัดสร้างพระพิมพ์ขึ้น 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเรียกว่า พระคง เพื่อความมั่นคงของนครหริภุญชัยอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า พระรอด เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็สุมไฟด้วยไม้มะฮกฟ้าหรือป่ารกฟ้า เป็นเวลานาน 7 วัน 7 คืน แล้วจึงนำพระคงที่เผาแล้วไปบรรจุไว้ที่วัดพระคงฤาษี นำพระรอดไปบรรจุไว้ที่วัดมหาวัน

ปัจจุบันพระรอดวัดมหาวันกลายเป็นพระเครื่องชื่อดังที่มีราคาค่าเช่าสูงมาก ทั้งยังถูกบรรจุไว้เป็นพระกรุเก่าแก่หนึ่งในเบญจภาคีที่นักนิยมพระเครื่องต่างแสวงหา แม้ในระยะหลังจะมีการทำพระรอดขึ้นมาใหม่ทว่าพระรอดเก่าที่ถูกขุดโดยชาวบ้านก็กระจายไปอยู่ในมือของนักสะสมพระทั่วไป

รู้เรื่องพระรอด

พระรอด เป็นพระพิมพ์ขนาดเล็กที่สุดในบรรดาพระเครื่องสกุลลำพูน เป็นพระพิมพ์ที่ทำขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี ในสมัยก่อนจะทำพระรอดขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนและทหารไว้คุ้มครองรักษาในยามสงครามและเก็บไว้ที่สูงเพื่อสักการะบูชา

ลักษณะทั่วไปของพระรอด เป็นพระปางมารวิชัย มีฐานอยู่ใต้ที่นั่งและมีผ้านิสีทนะ(ผ้าปูนั่ง) รองรับไว้บนฐาน ข้างหลังองค์พระมีลวดลายกระจังชาวพื้นเมืองเหนือเรียกว่า ใบโพธิ์ พระอุระผึ่งผาย พระกรรณ (หู) ยาวลงมาเกือบถึงพระอังสะทั้งสองข้าง ส่วนด้านหลังนั้นไม่มีลวดลายอะไร

พระรอดเท่าที่พบมี 6 พิมพ์ด้วยกันคือ พิพม์ลึก พิมพ์ตื้น พิมพ์สั้น พิมพ์ยาว พิพม์ฐานสองชั้น พิมพ์ฐานชั้นเดียวเรียกว่า พิมพ์ต้อ ขนาดของพระรอดมีขนาดไม่เหมือนกัน ขนาดใหญ่เกือบจะเท่าพระคงก็มี เรียกว่าพระรอดหลวง ฐานกว้างประมาณ 1 นิ้วและขนาดเล็กไปตามลำดับจนถึงขนาดเท่าใบมะขามเรียกว่า พระรอดใบมะขาม ซึ่งหายากที่สุด
เนื้อพระรอด เป็นเนื้อกระเบื้องดินเผา เนื้อนิ่มคล้ายสีผึ้ง ดินละเอียด ไม่มีเม็ดแร่เจือปน ไม่มีรอยร้าวหรือรายแตก เนื้อแน่นมีน้ำหนักกว่าดินธรรมดาในปริมาณที่เท่ากัน
สี พระรอดมีหลายสีด้วยกัน ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ

องวัตถุที่ถูกไฟเผา เช่นสีเขียวปีกแมลงภู่ สีแดง สีขาวแต่ไม่สด สีเหลืองแต่ไม่เรื่อ สีหม้อกะทะ สีดอกพิกุลแห้ง สีดอกมะละกอ สีก่าน คือมี 2 สีในองค์เดียว เป็นต้น


จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น