“กรมการขนส่งทางบก” ยืนยัน!!! ไม่มีการประกาศ เพิ่มอัตราภาษีรถเก่า

กรมการขนส่งทางบก ยืนยัน!!! ไม่มีการประกาศเพิ่มอัตราภาษีรถเก่าใช้งานแล้วแต่อย่างใด ยังคงใช้อัตราภาษีรถประจำปีเท่าเดิม ตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของสภาพรถ มุ่งตอบโจทย์ความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

 นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราภาษีรถประจำปี สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีอายุการใช้งาน เกิน 7 ปี นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเพียงข้อเสนอส่วนบุคคลที่เผยแพร่ เมื่อปี 2559 โดยไม่ใช่นโยบายหรือมาตรการที่มีผลในทางปฏิบัติ จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว พร้อมยืนยันยังคงจัดเก็บภาษีรถประจำปี ในอัตราคงเดิมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และไม่มีแนวคิดที่จะปรับอัตราการจัดเก็บภาษีประจำปีรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน เกิน 7 ปีหรือรถ จ.ย.ย.ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี แต่อย่างใด โดยหากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จะเรียกเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบของรถยนต์ ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2) และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3 หรือ รถปิกอัพ) จะคิดอัตราภาษีรถตามน้ำหนักรถ

นอกจากนี้ ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกยังได้มีมาตรการส่งเสริมการใช้รถที่ใช้พลังงานทางเลือก ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือใช้พลังงานทดแทน พลังงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพลังงานอย่างประหยัด ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยจัดเก็บภาษีประจำปีในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตราตามที่กำหนดไว้ (พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2550) และกรมการขนส่งทางบก ยังได้ออกประกาศกรมฯ กำหนดมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า พ.ศ.2559 เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมยานยนต์ เพิ่มทางเลือกให้ประชาชน ใช้รถในราคาที่ถูกลง พร้อมเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารถทุกคันที่ใช้งานบนท้องถนน มีความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยและไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาล กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และมาตรฐานการตรวจสภาพรถสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน เกิน 7 ปี และรถ จ.ย.ย.ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีรถประจำปี โดยได้ดำเนินการยกระดับมาตรฐานสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

มีการรายงานผลตรวจสภาพรถ ผ่านระบบสารสนเทศแบบออนไลน์ (ตรอ. Online) เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม กำกับ การทำงานของสถานตรวจสภาพรถ ภายใต้การกำกับดูแล โดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ อีกทั้งกรมการขนส่งทางบก ยังได้ประกาศข้อกำหนด เงื่อนไขสำหรับการบำรุงรักษารถ สำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะไว้ในใบอนุญาตประกอบการ (ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2560 และประกาศ คสช.ที่ 15/2560) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและประสิทธิภาพของรถบนท้องถนนทุกคันในภาพรวม ตลอดจนเป็นการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบก ยังได้ดำเนินโครงการ “มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS” โดยประกาศกำหนดให้รถโดยสารสาธารณะทุกคัน ทุกหมวด ทุกเส้นทาง ติดตั้งระบบ GPS Tracking เพื่อเป็นเครื่องมือบริหารจัดการการขนส่งทางถนน นอกจากการป้องกันอุบัติเหตุจากการควบคุมพฤติกรรมการเดินรถ และลดต้นทุนโลจิสติกส์แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการประหยัดเชื้อเพลิง จากการควบคุมความเร็วรถ การไม่วิ่งรถเที่ยวเปล่า การไม่เดินรถนอกเส้นทาง  ฯลฯ ยังสามารถประเมินระยะทางรวมของรถในระบบขนส่ง ซึ่งจะประมาณการใช้ CO2 ของรถทุกคัน ทำให้ใช้ประโยชน์เพื่อบริหารการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม

ตลอดจนเป็นแนวทางการพัฒนานวัตกรรม ด้านวิศวกรรมยานยนต์ได้ต่อไป และมีแนวทางการพิจารณาอัตรา ด้านภาษีรถยนต์ กรมการขนส่งทางบก ยังมีแนวคิดที่จะลดอัตราภาษี ในระบบระบบรถสาธารณะตาม พ.ร.บ.รถ ยนต์ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.การขนส่ง พ.ศ. 2522 เพื่อจูงใจในการสร้างมาตรฐานคุณภาพการให้บริ การประชาชน และลดต้นทุนการเดินรถ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ เอื้อต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยรวม โดยได้เสนอแก้ไขสาระสำคัญใน พ.ร.บ.แล้วในการรวมกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเด็นอัตราภาษีรถประจำปีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก การดำเนินการใดๆ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รอบด้าน ประกอบกับเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ฯลฯ ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดผลกระทบทุกด้านเช่นกัน

ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน หากกรมการขนส่งทางบก มีข้อมูลข่าวสารใดที่ต้องการจะประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับทราบ จะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อมวลชนต่างๆ โดยตรง รวมถึงประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของกรมการขนส่งทางบกได้จากเว็บไซต์ www.dlt. go.th อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล รวมทั้งแหล่งที่มาของข้อมูล ก่อนโพสต์ข้อความใดๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจากการโพสต์ข้อความ ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับประชาชน เจ้าของรถหรือกรมการขนส่งทางบก

cr.ประชาสัมพันธ์ กรมการขนส่งทางบก

ร่วมแสดงความคิดเห็น