ดันกาแฟไทย ขึ้นแถวหน้า ย่านอาเซียน

            นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย พบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หารือเตรียมจัดประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทยในอาเซียน ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่ หนุนการขับเคลื่อน “ยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2560-2564” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้บรรลุเป้าหมายของการเป็นผู้นำการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน ก้าวสู่ตลาดโลกภายใต้ภาพลักษณ์ “กาแฟไทย”

นายอนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย นำคณะเข้าพบนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรายงานความคืบหน้า และหารือการดำเนินการจัดประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทยในอาเซียน ครั้งที่ 1 (1st ASEAN Coffee Industry Development Conferrence 2018) ณ ห้องรับรอง สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัด

ทั้งนี้นายอนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทยในอาเซียน ครั้งที่ 1 (1st ASEAN Coffee Industry Development Conferrence 2018) โดยกำหนดจัดขึ้น ในวันที่ 22 – 25 พฤศจิกายน 2561 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน “ยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2560-2564” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้บรรลุเป้าหมายของการเป็นผู้นำการผลิต และการค้ากาแฟคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน ก้าวไกลสู่ตลาดโลกภายใต้ภาพลักษณ์กาแฟไทย ภายในปี 2564 โดยการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการพัฒนาโอกาสในธุรกิจกาแฟ ภายใต้บริบทของอาเซียนให้แก่ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาแฟไทยในทุกภาคส่วน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐสมาชิกอาเซียนเพื่อการพัฒนาการเทคโนโลยีผลิตและแปรรูปกาแฟ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร เพื่อวิเคราะห์แนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟอย่างรอบด้าน เผยแพร่นวัตกรรมและองค์ความรู้ที่ทันสมัยเพื่อการเพิ่มมูลค่าและผลผลิตกาแฟของประเทศไทยอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการยกระดับคุณภาพและภาพลักษณ์ของกาแฟไทยสู่มาตรฐานสากล

นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมภายในงาน มีการจัดประชุมวิชาการ นิทรรศการ การจำหน่ายสินค้าผู้ประกอบการด้านธุรกิจกาแฟ กว่า 50 ราย การประกวดการแข่งขัน 2 ประเภท ได้แก่ การประกวดเมล็ดกาแฟและการแข่งขันบาริสต้า และการทัศนศึกษาเชิงวิชาการและวัฒนธรรม ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ร่วมประชุมกว่า 3,000 ราย

ร่วมแสดงความคิดเห็น