ผู้พิการทั่วเหนือหวังพึ่งตนเอง ตั้งเป้าเป็นศูนย์ฝึกขายผลผลิต มูลนิธิฯโดดอุ้มตั้งอาชีพอิสระ

๐๐๐สังคมเพื่อการพึ่งพา ความเป็นอยู่ที่จำเป็นต้องมีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน อิสระของชีวิตทุกสังคมทุกชีวิตย่อมมีอาชีพเพื่อการยังชีพหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวตลอดจนถึงสังคมคนรอบข้าง แต่ความสมบูรณ์ทางด้านร่างกายและจิตใจคนเรานั้นมีไม่เท่ากัน ในสังคมหนึ่งคือ “สังคมของพิผู้การ” อีกจำนวนไม่น้อยที่ยังรอคอยความหวังและการช่วยเหลือ และพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่อยู่นิ่งเฉย พากันมาเข้าฝึกอาชีพเพื่อหาทางช่วยเหลือตนเอง ด้วยการเลี้ยงจิ้งหรีด การปลูกผัก และการเพาะเห็ดนำไปจำหน่าย วันนี้
จึงมีมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการเกิดขึ้น ในการส่งเสริมอาชีพให้กับคนพิการเหล่านั้น๐๐๐

“มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ”ได้ดำเนินการฝึกอบรมอาชีพอิสระ สำหรับผู้พิการและครอบครัว แบบครบวงจรและยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2560-2564 ในด้านการส่งเสริมอาชีพและมีงานทำของคนพิการ และเพื่อให้สังคมได้รับรู้รับทราบ
ซึ่งการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระของคนพิการนั้น มูลนิธิฯได้ตระหนักถึงความสามารถและคนพิการเป็นสำคัญ ปัจจุบันมีผู้ผ่านการฝึกอบรม รุ่นที่ 1 ไปแล้วจำนวน 160 ครอบครัว และผู้อบรมรุ่นที่ 2 อยู่ในระหว่างการฝึกอบรม อีกจำนวน 100 ครอบครัว หลังจากการฝึกอบรมไปแล้ว ผู้ผ่าการอบรมได้กลับไปประกอบอาชีพ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ซึ่งบางส่วนประสบความสำเร็จ และยังมีบางครอบครัวอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ทั้งได้ขยายเครือข่าย“การเลี้ยงจิ้งหรีด” ไปยังครอบครัวอื่น ๆ ของผู้พิการที่อยู่ใกล้เคียงภูมิลำเนาของตนเอง เมื่อมีผู้เลี้ยงจิ้งหรีดเพิ่มมากขึ้น มีสมาชิกผู้เลี้ยงเพิ่มขึ้นในแต่ละชุมชน ทำให้มีผลผลิตจำนวนมาก ดังนั้นจึงเกิดการรวมกลุ่มการเลี้ยง การซื้อ และการจำหน่าย การหาตลาดเพื่อมารองรับผลผลิตของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ
มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าวว่าควรส่งเสริม สนับสนุนให้คำปรึกษา แนะนำและช่วยเหลือการตั้งกลุ่มอาชีพอิสระ (การเลี้ยงจิ้งหรีด การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน) ในการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิต การแปรรูป และการขายสินค้าทั้งการขายในตลาดชุมชน และการขายระหว่างมูลนิธิ เพื่อการกำหนดหลักเกณฑ์ในการผลิต และซื้อขายสินค้าในกลุ่มต่าง ๆ เพื่อจะหาแนวทางช่วยเหลือในด้านต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ในการนี้มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ร่วมกับองค์การเลียวนาร์ด เชสเชียร์ ดิสอะบิลิตี้ ประเทศไทย ได้จัดทำโครงการฝึกอบรมเพื่อการจัดตั้งศูนย์บริการอาชีพอิสระ สำหรับคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ระดับพื้นที่ มีการอบรมระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค.2560
ทั้งนี้ได้มีการจัดแถลงข่าว โดยมูลนิธิร่วมกับองค์การฯ ซึ่งมีหัวเรี่ยวหัวแรงที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น “น.ศ.บาร์กา เฮนรี่ ผู้จัดการโครงการส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก น.ส.พัชรินทร์ ศิลวรรณ เจ้าหน้าที่สนับสนุนโครงการองค์การเลียวนาร์ดเชสเชียร์ฯ และ ผอ.ประหยัด ทรงคำ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ สาขาภาคเหนือ ร่วมกันแถลงข่าว”
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพการรวมกลุ่มในการจัดตั้งศูนย์บริการอาชีพอิสระของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่ผ่านการฝึกอบรม ต่อยอดสู่การปฏิบัติในชีวิตจริงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้นำในแต่ละศูนย์บริการคนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถขยายเครือข่ายในการให้ความรู้ ให้การช่วยเหลือ หรือเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้อาชีพในชุมชนของตนเอง ยกระดับการจัดตั้งศูนย์บริการอาชีพ ให้เป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ คำแนะนำและการซื้อขายผลผลิต เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมีความต่อเนื่องเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไปอย่างแท้จริง
ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการสาขาภาคเหนือ ผอ.ประหยัด ทรงคำ “กล่าวย้ำว่า เราจะมีการส่งเสริมการเปิดศูนย์อาชีพอิสระให้กับผู้พิการทั่วจังหวัดภาคเหนือให้ได้ 10 ศูนย์ เป็นระบบเครือข่าย ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้พิการกลุ่มผู้พิการ สามารถมีอาชีพอิสระสร้างรายได้ พึ่งพาตนเองช่วยเหลือตนเอง มีชีวิตที่อยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติสุข ซึ่งสังคมต้องร่วมมือและให้โอกาสกับคนเหล่านี้ เพราะเราถือว่าทุกคนคือส่วนหนึ่งของคนและต้องมีการพึ่งพาซึ่งกันและกันผู้พิการจะต้องได้รับการดูแลไม่ถูกทอดทิ้งอยู่อย่างเดียวดาย”
อีกหนึ่งบริบทและความคาดหวังของเหล่าผู้พิการ จากนี้ไปในอนาคตอีก 1-2 ปีข้างหน้า หนทางการสร้างอาชีพอิสระให้กับตนเองจะเดินทางสู่สังคมรอบข้างอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่เป็นภาระให้กับสังคม เฉกเช่นเดียวกับคนที่มีร่างกายสมบูรณ์พูลผล สำคัญแห่งความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นจากสังคมที่จะต้องหันมามองว่า ต้องสนับสนุนผู้พิการกับการสร้างอาชีพอิสระเหล่านี้ ด้วยการช่วยซื้อผลผลิตที่พวกเขาเหล่านั้น บรรจงรังสรรค์กันขึ้นมาด้วยใจพลังแห่งความหวังว่า สังคมจะหยิบยื่นโอกาสให้กับพวกเขา

นิราศ เวียงพิงค์…รายงาน

๐๐๐เราจะมีการส่งเสริมการเปิดศูนย์อาชีพอิสระให้กับผู้พิการทั่วจังหวัดภาคเหนือให้ได้ 10 ศูนย์ เป็นระบบเครือข่าย ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้พิการกลุ่มผู้พิการ สามารถมีอาชีพอิสระสร้างรายได้ พึ่งพาตนเองช่วยเหลือตนเอง มีชีวิตที่อยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติสุข ซึ่งสังคมต้องร่วมมือและให้โอกาสกับคนเหล่านี้ เพราะเราถือว่าทุกคนคือส่วนหนึ่งของคนและต้องมีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ผู้พิการจะต้องได้รับการดูแลไม่ถูกทอดทิ้งอยู่อย่างเดียวดาย๐๐๐

ร่วมแสดงความคิดเห็น