เปิดพื้นที่ 52 ไร่ให้เอกชน ลงทุนในเคหะหนองหอย


การเคหะแห่งชาติเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนในโครงการศึกษาความเป็นไปได้การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่(หนองหอย) หลังมีพื้นที่ว่าง 52 ไร่ ต้องการให้เอกชนมาร่วมลงทุน เบื้องต้นมีแนวทางพัฒนาที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชยกรรมแบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส ทั้งคอมมูลนิตี้มอลล์ ที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ คอนโดมิเนียม หรือเป็นออฟฟิศสำนักงานเพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการลงทุนพัฒนาเมืองที่มีความคุ้มค่าด้านการลงทุนโครงการและการสร้างรายได้จากการใช้ประโยชน์ที่ดิน

นายนพดล ว่องเวียงจันทร์ รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.60 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติ ได้จัดการประชุมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน(ครั้งที่ 1 ) โครงการศึกษาความเป็นไปได้การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ 2556 ณ โรงแรมนครพิงค์ พาเลซ เชียงใหม่ ทั้งนี้เนื่องจากที่มี พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 โดยรัฐบาลมีการส่งเสริมให้มีการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
โดยจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก่อนช่วงวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลลงทุนมีอยู่ประมาณ 40%หลังจากเกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลได้ลดลงไปเหลือประมาณ 20-24% ของจีดีพีซึ่งก็จะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยลดน้อยลงไป ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ออกพ.ร.บ.ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการร่วมทุน ก็จะช่วยในเรื่องของการลดภาระงบประมาณรวมถึงลดความเสี่ยงในเรื่องของหนี้สาธารณะ ขณะที่จากเดิมรัฐบาลลงทุนทั้งหมดงบประมาณก็จะไม่สามารถที่จะเอางบประมาณส่วนที่เหลือไปกระจายในโครงการต่างๆได้
นายนพดล กล่าวว่า ย้อนมาถึงโครงการศึกษาความเป็นไปได้การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ ในที่ดินของอำเภอหนองหายจำนวน 52 ไร่ นั้นก็ต้องมีการให้เอกชนร่วมลงทุน โดยลักษณะโครงการที่จะเกิดเราได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา คือ บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด ให้มารับผิดชอบในเรื่องที่ปรึกษาดำเนินโครงการศึกษาความเป็นไปได้การให้เอกชนร่วมลงทุน ซึ่งตามกฏของโครงการก็คือต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่โดยรอบว่าโครงการนี้มีความเป็นมาอย่างไร ลักษณะโครงการที่จะเกิดขึ้นเป็นเช่นไร ทั้งนี้ลักษณะโครงการดังกล่าวก็คงต้องอยู่ในขอบข่ายและภารกิจของการเคหะแห่งชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่อยู่อาศัย โครงการเกี่ยวกับผู้สูงอายุ หรืออาจจะเป็นโครงการลักษณะมิกซ์ยูส แบบผสมผสาน เป็นคอมมูลนีตี้มอลล์
“แนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะศึกษาความเป็นไปได้ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชยกรรมแบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส และเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ เป็นที่อยู่ผู้สูงอายุ เป็นคอนโดมิเนียม หรือเป็นออฟฟิศสำนักงาน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการลงทุนพัฒนาเมืองที่มีความคุ้มค่าด้านการลงทุนโครงการและการสร้างรายได้จากการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณหลายพันล้านบาท” รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ กล่าว.

ร่วมแสดงความคิดเห็น