ใบสั่งรูปแบบใหม่ ลดขั้นตอนการเขียนใบสั่ง เพิ่มบาร์โค้ด ช่วยในการตรวจสอบย้อนหลัง

ทางพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการระบบโปลิสทิคเก็จเมเนจเม้นท์ หรือพีทีเอ็ม (Police Ticket Management) กล่าวว่า วันที่ 17 ธ.ค. 60 เป็นวันแรก ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเริ่มใช้ใบสั่งรูปแบบใหม่ โดยขณะนี้ได้เริ่มส่งใบสั่งรูปแบบไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัดแล้ว และในวันที่ 17 หากผู้ขับขี่ถูกจับปรับในฐานกระทำความผิดกฎหมายจราจร จะได้รับใบสั่งใหม่ทันที

โดยรูปแบบใบสั่งใหม่นั้น จะมีบาร์โค๊ดบนใบสั่ง พร้อมทั้งช่องให้เจ้าหน้าตำรวจราจรขีดในช่องข้อหา โดยไม่ต้องใช้ระบบการเขียนด้วยลายมือ เหมือนที่ผ่านมา และในข้อหารายละเอียดต่าง ๆ จะมีภาษาอังกฤษกำกับด้วย โดยหลังจากที่ประชาชนได้รับใบสั่งแล้ว สามารถไปชำระค่าปรับที่ธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย หรือระบบแอปพลิเคชั่น KTB net bank ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นบนมือถือ หรือสถานที่ที่มีสัญลักษณ์พีทีเอ็ม(PTM)แสดงอยู่ โดยประชาชนสามารถจ่ายค่าปรับผ่านทางธนาคารได้ภายหลัง 2 วันทำการ หรือภายหลังจากที่ถูกจับปรับ 2 วัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจราจร จะต้องนำข้อมูลมาบันทึกลงระบบพีทีเอ็มก่อน ซึ่งประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะเลยเวลาชำระค่าปรับ เพราะใบสั่งจะมีอายุ 7 วัน

ทั้งนี้ หากประชาชนที่ถูกต้องมีความประสงค์จะจ่ายเงินค่าปรับ ที่สถานีตำรวจ ก็สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบ 2 วัน อย่างไรก็ตามการชำระค่าปรับนั้น ประชาชนสามารถชำระค่าปรับได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย แต่กรณีการชำระค่าปรับผ่านทางธนาคารนั้น หากถูกยึดใบขับขี่จะไม่สามารถทำได้ และการชำระค่าปรับผ่านทางธนาคาร
จะมีค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อบิล

ที่ผ่านมาทาง สตช.ได้อบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจราจรทั่วประเทศ เพื่อให้ใช้ระบบพีทีเอ็มและระบบใบสั่งแบบใหม่ ซึ่งก็ถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจราจรมีความพร้อม ในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งสตช.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลใบสั่งลงในระบบแบบวันต่อวัน เพื่อที่จะได้ให้ประชาชนสามารถเดินทางไปชำระค่าปรับได้ภายหลัง 2 วันทำงาน ซึ่งด้านหลังใบสั่งจะระบุรายละเอียดการชำระค่าปรับบนอย่างชัดเจน ประชาชนสามารถตรวจสอบได้

นอกจากนี้ยังได้กับให้ตำรวจจราจรแจ้งประชาชนทุกครั้งที่มีการออกใบสั่งว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ใบสั่งรูปแบบใหม่แล้ว เบื้องต้นในระยะแรกที่เริ่มใช้ระบบอาจจะยังมีข้อบกพร่องบ้าง ซึ่ง สตช.จะพยายามพัฒนาระบบให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน รวมทั้งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อทำการอายัดการชำระภาษีชั่วคราว ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มาชำระค่าปรับระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งกรณีการใช้มาตรการตัดแต้มใบขับขี่

คลิกอ่านรายละเอียดรายกิจจานุเบกษา

ร่วมแสดงความคิดเห็น