ฟื้นคืน 5 เชียง ฝันมีแผนร่วม โกยนักท่องเที่ยวร่วมปี 30 ล้านคน

สนง.การท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย ร่วมกับสมาคมสหพันธุ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด สภาอุต สาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดประชุม “การสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยว 5 เชียง (เชียงใหม่ เชียงราย เชียงตุง เชียงรุ้ง เชียงทอง) โดยมี นายสมบูรณ์ ศิรเวช รอง ผวจ. เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ส่วนผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย ท่านจอมศรี ลัดตะนะปัน รองเจ้าแขวงบ่อแก้ว ท่านสุลิทิบ น่อคุนผน หน.แผนกแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว และท่านผาน จิน รองกงสุลใหญ่แห่งประเทศจีนประจำ จ.เชียงใหม่
รวมทั้งมีผู้ประกอบการท่องเที่ยว ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบนทั้งในประเทศไทย โดยเฉพาะเชียงรายและเชียงใหม่ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน สปป.ลาว และเมียนมา เข้าร่วมกว่า 200 ราย สำหรับกิจกรรมมีการเสวนาเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยว 5 เชียง โดยนักวิชาการนำเสนอผลงานวิจัย เกี่ยวกับการท่องเที่ยว 5 เชียง ระดมสมองและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวร่วมกัน ศึกษาดูงานสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย และจัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว 5 เชียงร่วมกัน โดยมีตัวแทนเครือข่ายจากทั้ง 5 เชียง 4 ประเทศ ร่วมลงนาม
นายสมบูรณ์ กล่าวว่าสถิติที่ผ่านมาพบว่า มีนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ 5 เชียง โดยเฉพาะจากประเทศจีนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31.51 และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก การสร้างเครือข่ายร่วมกันจึงสำคัญมาก เพราะจะได้ช่วยกันพัฒนาตลาดร่วมกัน จนสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้ไปเยือนมากขึ้นต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมยังมีการเสวนาที่น่าสนใจเรื่อง “ความเชื่อมโยงของเส้นทางบก ทางเรือ ทางอากาศ กับโอกาสภาคธุรกิจ ด้านการท่องเที่ยวและการค้าการลงทุน” โดยนายกิตติ ทิศสกุล นายกสมาคมสหพันธุ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด และประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย กล่าวว่า คำว่า 5 เชียงนั้น ตนได้ยินพูดกันมานานร่วม 20 ปีแล้ว กระทั่งปัจจุบัน 5 เชียง ก็ยังคงมีความสำคัญ เพราะเชื่อมกลุ่มอาเซียน-จีน สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย จีน สปป.ลาว เมียนมา ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรมในครั้งนี้ จึงจะมีการเรียนรู้ข้อมูลร่วมกัน เพื่อจะได้นำไปสู่การเขียนแผนการท่องเที่ยวแล้วนำขายสู่ตลาดทั่วโลกร่วมกันได้ต่อไป
น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และนักธุรกิจนำเที่ยวคนสำคัญลุ่มน้ำโขง กล่าวว่าการเชื่อมโยงการคมนาคมในเขต 5 เชียง ยุคปัจจุบันมีแนวโน้มดีมาก โดยกรณีเมืองเชียงตุงนั้นอยู่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งรัฐฉานมีด่านถาวรติดกับประเทศไทยเพียง 1 จุดเท่านั้นคือที่ จ.ท่าขี้เหล็ก เชื่อมกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ห่างจากเชียงตุงเล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันกำลังพิจารณาจะเปิดให้ใช้ระบบวีซ่าเมื่อไปถึงหรือวีซ่า ออน อะไรวัล เพื่อให้ผู้เข้าไปรัฐฉาน สามารถยื่นหนังสือเดินทางระหว่างประเทศ หรือพาสปอร์ทที่ด่านได้โดยตรง ส่วนยานพาหนะก็มีข้อตกลงใช้รถระหว่าง เชียงราย-เชียงตุง ท่าขี้เหล็ก ยังมีสนามบินที่มีเครื่องบินให้บริการ 8 สายการบิน ดังนั้นในอนาคตหากมีวีซ่า ออน อะไรวัล ก็จะทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เชื่อมรัฐฉานกับเชียงราย คึกคักมากขึ้นแน่นอน

น.ส.ผกายมาศ กล่าวอีกว่ารัฐฉานยังมีเมืองมูเซ จ.ลาเชียว ที่เชื่อมกับเมืองรุ่ยลี่ จ.เต๋อหง เขตปกครองตนเองชนชาติไต-จิงโป มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งมีมูลค่าการค้าร่วมกันมหาศาล สามารถเชื่อมจีน-ตองจี-เชียงตุง ได้ ด้านเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน นั้นถือว่ามีการพัฒนาและมีนักท่องเที่ยวจีนทะลักลงมาจำนวนมากอยู่แล้ว ปัจจุบันจีนสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งใหม่และรถไฟความเร็วสูง จะเชื่อมจากกาลัมป้า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ไปทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะรัฐฉานและไปทางหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ด้วย
“ส่วนหลวงพระบางนั้น เป็นตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญ ปัจจุบันเชื่อมโยงกับเชียงใหม่ และโดยเฉพาะเชียงรายที่มีการเดินทางไปทางเรือแม่น้ำโขงจาก อ.เชียงของ หรือทางบกผ่าน สปป.ลาว เป็นประจำอยู่แล้ว สภาพดังกล่าวถือได้ว่าการเชื่อมโยระหว่างกันใน 5 เชียง มีพัฒนาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว หากมีการคมนาคมพัฒาถึงระดับหนึ่ง และมีการใช้วีซ่า ออน อะไรวัล อย่างสมบูรณ์ในแต่ละประเทศมากขึ้น ยอดนักท่องเที่ยวที่ฝันกันเอาไว้ที่ปีละ 30 ล้านคน ก็มีโอ กาสเป็นไปได้ในอนาคตแน่นอน” น.ส.ผกายมาศ กล่าว

นายวิสูตร คำยอด ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันท่าอากาศยานได้รับอนุมัติจาก สนง.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ให้เปิดตลอด 24 ชม. เพราะสภาพของสนามบินที่ จ.เชียงใหม่ กำลังแออัดเต็มที่แล้วจึงต้องมีสนามบินข้างเคียงรองรับ ทั้งนี้เชียงรายมีสายการบินภายในประเทศ 6 สายการบิน และระหว่างประเทศ 5 สายการบิน อัตราการเติบโตตั้งแต่เดือน ก.ค.60-มี.ค.61 มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 200-300% โดยมีการบินเชื่อมทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ฮ่องกง และอีกหลายเมืองในประเทศจีน ในอนาคตจะมีการบินเชื่อมระหว่างรุ่ยลี่-สิบสองปันนา-เชียงราย ในเดือน เม.ย.นี้เป็นต้น ไปทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ด้วย รวมทั้งกำลังหารือกับสายการบินที่ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อให้บินมายังเชียงรายในอนาคตอีกด้วย
นายวิสูตร กล่าวอีกว่า การขยายตัวดังกล่าวทำให้การท่าอากาศยาน ได้พัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย หลายด้าน เช่น รันเวย์ให้มีช่องวิ่งเครื่องบินข้างรันเวย์ หรือแท็กซี่เวย์และอื่นๆ ระยะเวลา 5 ปี ใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท และการพัฒนาทั้งหมดจะมี 3 ระยะ หรือเฟตใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากการขยายตัวก็กำลังเสนอให้ย่นระยะเวลาเหลือเพียง 2 เฟต ให้แล้วเสร็จต่อไป

ทั้งนี้คาดการณ์กันว่าอีก 2 ปี ข้างหน้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะไม่สามารถขยายตัวรับสายการบินได้อีกแล้ว ทำให้โอกาสจึงอยู่ที่ จ.เชียงราย และจากภูมิศาสตร์พบว่าเชียงรายสามารถบินไปยังกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว และเชียงรุ้งและคุนหมิง ประเทศจีน ด้วยระยะเวลาเท่าๆ กันคือประมาณ 1 ชม.กว่าๆ เท่ากัน จึงนับว่าได้เปรียบกว่าสนามบินอื่นๆ อย่างมาก
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าการประชุมครั้งนี้ ยังเปิดให้เครือข่ายจากประเทศต่างๆ ได้แสดงความเห็นซึ่งส่วนใหญ่นำเสนอว่า ในปัจจุบันการคมนาคมภายในประเทศของตนมีการพัฒนามากขึ้น โดยในแขวงบ่อแก้วและหลวงพระบางมีการสร้างถนนเป็นเครือข่ายเชื่อมกับ 5 เชียงมากขึ้น ส่วนในรัฐฉานก็มีการจัดระบบเข้าออกเมืองที่สะดวกและง่ายกว่าในอดีต จึงไม่ใช่ดินแดนที่น่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวยุโรปและอื่นๆ เดินทางไปเยือนมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเชิญชวนให้ไปเยือนรวมทั้งยินดีจะเชื่อมเครือข่ายกับทุกประเทศ

ร่วมแสดงความคิดเห็น