สุดสลด หนุ่มสบปราบพาพ่อตาแม่ยาย และลูกสาวอีกสองคนไปรับภรรยาจากโรงพยาบาลจะเข้าบ้าน ระหว่างทางเกิดประสบอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักลงข้างทางชนอัดต้นไม้จนรถพังยับ ส่งผลให้คนในรถบาดเจ็บรวม 5 ราย ส่วนพ่อตาสิ้นใจคารถ
วันที่ 30 กรกฎาคม 2561 เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา จ.ลำปาง ได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ภูธรจังหวัดว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะชนเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บริเวณทางขึ้นเขาขาด ต.วังพร้าว อ.เกาะคา จ.ลำปาง ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 1 ราย ต่อมาชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง รพ.เกาะคา ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับต้น กู้ภัยเกาะคา ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น กู้ภัยศาลา จึงรีบออกให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากนั้น พ.ต.ท.มนตรี ดวงวะนา สว.(สอบสวน) สภ.เกาะคา จะรีบออกมาตรวจสอบตามรับแจ้ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ร้อย 20 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จุดตรวจหลังเทิน อำนวยความสะดวกด้านการจราจรและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ที่เกิดเหตุเป็นถนนพหลโยธินซึ่งเป็นถนนสายหลัก ทางขึ้นเขาขาด ขาล่อง ระหว่าง กม.764-765 จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้การจราจรขาล่องรถติดเป็นจำนวนมาก ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะอีซูซุแค๊ป สีบอร์เงิน หมายเลยเลขทะเบียน บล 8214 จังหวัดลำปาง สภาพรถพังยับทั้งคัน และมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด จำนวน 5 ราย เจ้าหน้าที่ได้รีบปฐมพยาบาลก่อนจะนำตัวส่งยังโรงพยาบาลเป็นการด่วน บริเวณที่เกิดเหตุตรงร่องกลางถนนพบมีต้นไม้ลักษณะถูกชนอยู่หนึ่งต้น คาดว่ารถยนต์คันดังกล่าวอาจจะเสียหลักลงข้างทางก่อนพุ่งชนต้นไม้จนทำให้รถมีสภาพพังยับ ส่วนภายในรถพบว่ามีผู้บาดไม่ได้สติเจ็บติดอยู่อีก 1 ราย ที่บริเวณแค๊ปของรถ เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำออกจากตัวรถ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตไปแล้ว ตรวจสอบต่อมาทราบว่าชื่อนายใย ใจหมื่น อายุ 61 ปี เป็นราษฎรบ้านหมู่ 11 ต.สมัย อ.สบปราบ จ.ลำปาง โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ที่ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งก่อนหน้านั้นทราบชื่อภายหลังมีนางสูน ใจหมื่น ภรรยาของนายใย ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นายธนธร ทนันชัย อายุ 41 ปี เป็นคนขับ นางพะยอม ทนันชัย อายุ 40 ปี เด็กหญิงณัฐธิดา และเด็กหญิงพิชญธิดา ทนันชัย ลูกสาวของนายธนธร และนางพะยอมก่อนเกิดเหตุทราบว่านายธนธร ทนันชัย ได้ขับรถยนต์ค้นดังกล่าวพาพ่อตาแม่ยาย และลูกสาวอีกสองคน ไปรับนางพะยอม ทนันชัย ที่โรงพยาบาล ขากลับขณะมาถึงที่เกิดเหตุก่อนจะถึงบ้านในอำเภอสบปราบมาประสบอุบัติเหตุจนทำให้นายใย พ่อตามาเสียชีวิตครั้งนี้ ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนคนขับและผู้โดยสารซึ่งยังรักษาตัวอยู่อีกครั้งหนึ่งต่อไป.
วันที่ 30 กรกฎาคม 2561 เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา จ.ลำปาง ได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ภูธรจังหวัดว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะชนเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บริเวณทางขึ้นเขาขาด ต.วังพร้าว อ.เกาะคา จ.ลำปาง ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 1 ราย ต่อมาชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง รพ.เกาะคา ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับต้น กู้ภัยเกาะคา ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น กู้ภัยศาลา จึงรีบออกให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
จากนั้น พ.ต.ท.มนตรี ดวงวะนา สว.(สอบสวน) สภ.เกาะคา จะรีบออกมาตรวจสอบตามรับแจ้ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ร้อย 20 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จุดตรวจหลังเทิน อำนวยความสะดวกด้านการจราจรและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ที่เกิดเหตุเป็นถนนพหลโยธินซึ่งเป็นถนนสายหลัก ทางขึ้นเขาขาด ขาล่อง ระหว่าง กม.764-765 จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้การจราจรขาล่องรถติดเป็นจำนวนมาก ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะอีซูซุแค๊ป สีบอร์เงิน หมายเลยเลขทะเบียน บล 8214 จังหวัดลำปาง สภาพรถพังยับทั้งคัน และมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด จำนวน 5 ราย เจ้าหน้าที่ได้รีบปฐมพยาบาลก่อนจะนำตัวส่งยังโรงพยาบาลเป็นการด่วน บริเวณที่เกิดเหตุตรงร่องกลางถนนพบมีต้นไม้ลักษณะถูกชนอยู่หนึ่งต้น คาดว่ารถยนต์คันดังกล่าวอาจจะเสียหลักลงข้างทางก่อนพุ่งชนต้นไม้จนทำให้รถมีสภาพพังยับ
ส่วนภายในรถพบว่ามีผู้บาดไม่ได้สติเจ็บติดอยู่อีก 1 ราย ที่บริเวณแค๊ปของรถ เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำออกจากตัวรถ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตไปแล้ว ตรวจสอบต่อมาทราบว่าชื่อนายใย ใจหมื่น อายุ 61 ปี เป็นราษฎรบ้านหมู่ 11 ต.สมัย อ.สบปราบ จ.ลำปาง โดยผู้บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ที่ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งก่อนหน้านั้นทราบชื่อภายหลังมีนางสูน ใจหมื่น ภรรยาของนายใย ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นายธนธร ทนันชัย อายุ 41 ปี เป็นคนขับ นางพะยอม ทนันชัย อายุ 40 ปี เด็กหญิงณัฐธิดา และเด็กหญิงพิชญธิดา ทนันชัย ลูกสาวของนายธนธร และนางพะยอม
ก่อนเกิดเหตุทราบว่านายธนธร ทนันชัย ได้ขับรถยนต์ค้นดังกล่าวพาพ่อตาแม่ยาย และลูกสาวอีกสองคน ไปรับนางพะยอม ทนันชัย ที่โรงพยาบาล ขากลับขณะมาถึงที่เกิดเหตุก่อนจะถึงบ้านในอำเภอสบปราบมาประสบอุบัติเหตุจนทำให้นายใย พ่อตามาเสียชีวิตครั้งนี้ ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนคนขับและผู้โดยสารซึ่งยังรักษาตัวอยู่อีกครั้งหนึ่งต่อไป.
ร่วมแสดงความคิดเห็น