74510

ตร.ไซเบอร์ จับมือ กสทช. แถลงปฎิบัติการกวาดล้าง Sim Box ทั่วกรุง

ตร.ไซเบอร์ จับมือ กสทช. แถลงปฎิบัติการกวาดล้าง Sim Box ทั่วกรุง รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หัวใสแฝงตัวอาคารสำนักงาน เวลา 14.30 น. วันที่ 20 ต.ค. 66 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี นำโดย พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2, นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน เลขาธิการ กสทช., นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกิจการภูมิภาค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กสทช. และ บช.สอท. […]

รวบแล้ว!! ขบวนการสินเชื่อทิพย์ หลอกเสียเงินหลักล้าน

ตำรวจไซเบอร์ รวบแล้ว!! ขบวนการสินเชื่อทิพย์ กู้เงิน 2 ล้าน แต่เสียเงิน 3 ล้าน.สืบเนื่องจากกรณีขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งแอบอ้างว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่เปิดเพลทฟอร์มบริการให้กู้เงินผ่านระบบกู้เงินออนไลน์ ผู้เสียหายซึ่งกำลังต้องการเงินกู้ 2 ล้านบาท จึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จผ่านในระบบคอมพิวเตอร์ ผู้เสียหายยินยอมให้ข้อมูลและปฏิบัติตาม เพราะเชื่อว่าจะได้รับเงินกู้ตามจำนวนที่ต้องการ เป็นเหตุให้หลงเชื่อโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มร้าย รวม 4 บัญชี รวมการโอนทั้งหมด 23 ครั้ง ได้รับความเสียหายกว่า 3,500,0000 บาท ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 สืบสวนติดตามจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวกำลังเดินทางมาด้วยรถไฟขบวน 171 ปลายทางลงสถานีรถไฟยะลา จึงได้ร่วมกันวางแผนและเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบ นางดวงดาว อายุ 45 ปี บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ สถานีรถไฟยะลา ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป […]

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจตัวปลอมระบาดหนัก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากเตือนภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลวงให้ประชาชนโอนมาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ดังนี้ในปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้สร้างความเสียหาย และความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ซึ่งเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่มีรูปแบบการทำงานเป็นทีม หรือเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน หลอกลวงเหยื่อโดยการใช้ความกลัว ความโลภ และความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือ โดยที่ผ่านมาพบว่ามีหลากหลายรูปแบบ เช่น การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งสินค้า แจ้งไปยังผู้เสียหายว่าบัญชีธนาคาร หรือพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือบัญชีธนาคารของคุณถูกอายัด เป็นหนี้บัตรเครดิต เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน มีคดีความ หรือหลอกลวงว่าได้เช็คเงินคืนภาษี หรือหลอกถามข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปปลอมแปลงในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม เป็นต้นที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายรายว่าถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง สร้างความน่าเชื่อถือโดยการแจ้งข้อมูลผู้เสียหาย ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ได้อย่างถูกต้อง จากนั้นจะให้ผู้เสียหายทำการแอดไลน์เพิ่มเพื่อนกับสถานีตำรวจปลอมดังกล่าว แล้วทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวโดยแจ้งว่า ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินในคดีต่างๆ พร้อมส่งภาพการจับกุมผู้ต้องหา ภาพบัญชีธนาคารคารของกลาง และเอกสารคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ของสำนักงาน ปปง. เรื่องการส่งทรัพย์สินเข้าตรวจสอบฯ หรือเอกสารราชการอื่นๆ เช่น หมายเรียก หมายจับ ที่มีชื่อของผู้เสียหาย เป็นต้น […]

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยพฤติกรรม Sharenting ผู้ปกครอง

ตำรวจไซเบอร์ ฝากเตือนภัยพฤติกรรม Sharenting ของผู้ปกครองโพสต์ข้อมูลส่วนตัวบุตรหลานในความปกครองเสี่ยงเปิดโอกาสผู้ไม่หวังดี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยพฤติกรรม Sharenting พ่อแม่โพสต์ข้อมูลส่วนตัวเด็กเสี่ยงเปิดโอกาสผู้ไม่หวังดี ดังนี้ Sharenting เกิดจากการผสมคำว่า share + parenting ใช้เรียกพฤติกรรมของพ่อแม่ที่แชร์ภาพ วิดีโอ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกมากเกินไป จริงอยู่ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองไม่ได้มีเจตนาร้าย ส่วนใหญ่เป็นการโพสต์รูปลูกด้วยความรักใคร่ เอ็นดู และอยากจะส่งต่อความน่ารักนี้ให้คนอื่นได้เห็น แต่ในอีกด้านหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตัวบุตรหลานในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีเข้าถึงตัวบุตรหลานได้ง่าย จากกิจกรรมที่ผู้ปกครองโพสต์ไว้ในสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น การขโมยตัวตน (Identity Theft) สวมรอยเหยื่อนำข้อมูลส่วนตัวไปกระทำผิดกฎหมาย หรือนำภาพเด็กไปสร้างเรื่องราวขอรับเงินบริจาคต่างๆ ปัญหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศเด็ก การนำภาพเด็กไปขายในเว็บมืด (Dark web) หรือนำไปเพื่อใช้ตอบสนองทางเพศของกลุ่มคนที่มีอาการใคร่เด็ก (Pedophile) หรือนำไปเเสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ เป็นต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนตัวของประชาชน ไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง […]

รับแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย กรณีผูกบัญชีกับแอปพลิเคชัน

ตำรวจไซเบอร์รับแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย กรณีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชัน ชอปปิ้งออนไลน์ แต่ถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายหลายรายผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันซื้อขายของออนไลน์ ต่อมาพบว่าถูกหักเงินในบัญชีชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.65 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับการผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้าออนไลน์นั้น ปัจจุบันพบว่าได้มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนยังสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทั่วประเทศ และแจ้งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทางคดียังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆ รวมถึงประสานงานไปยังบริษัทแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งนี้ได้รับรายงานว่าแอปพลิเคชัน ชอปปิ้งออนไลน์ดังกล่าวได้ประกาศปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ […]

รวบหนุ่มหื่น! แอบถ่ายใต้กระโปรงสาวขายกลุ่มลับ

ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำกำลังเข้า จับกุม นายวรศักดิ์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหา ที่แอบถ่ายคลิปวิดีโอและภาพนิ่งใต้กระโปรงผู้หญิง แล้วนำมาจำหน่ายในกลุ่มลับ ตำรวจได้นำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านพักที่ตำบล นาป่า อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ได้ของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 2 เครื่อง extemal 4 ลูก โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และกล้องขนาดเล็ก 1 ตัวผู้ต้องหา ได้รับสารภาพ ว่าเป็นคนก่อเหตุใช้โทรศัพท์มือถือไปแอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิง โดยจะเลือกเป้าหมาย ที่ใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่า และเดินไม่ระวังตัว ซึ่งผู้ต้องหา บอกว่า จะทำทีเดินประกบเหยื่อ และเมื่อได้จังหวะ ก็แกล้งก้มตัวลงไปผูกเชือกรองเท้า และอาศัยจังหวะนั้นใช้มือถือถ่ายช้อนใต้กระโปรง ส่วนใหญ่จะเลือกเหยื่อหลากหลายอาชีพ ทั้ง พยาบาล พนักงานบริษัท นักศึกษา นักเรียน และจะไปแอบถ่ายตามทางขึ้นสะพานลอย ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ รถไฟฟ้า เป็นต้น ผู้ต้องหา บอกว่าทำมาประมาณ 3-4 ปี ก่อนหน้านี้ เริ่มมาจากความชอบส่วนตัว […]

เตือนภัยผูกบัญชีกับแอปชอปปิ้ง ระวังเงินหาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่าจากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ ต่อมาทราบว่าเงินในบัญชีถูกนำไปชำระค่าสินค้าหลายรายการ ความเสียหายกว่า 50,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุนั้น ขอประชาสัมพันธ์ เตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงระมัดระวังการกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก็จะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากได้รับความเสียหายให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 […]

เตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ชำระค่าสินค้า

ตำรวจไซเบอร์ ฝากเตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยกรณีการผูกบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงระมัดระวังการกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอมจากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ ต่อมาทราบว่าเงินในบัญชีถูกนำไปชำระค่าสินค้าหลายรายการ ความเสียหายกว่า 50,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุนั้น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต […]

สุดฉาว! พบ พ.ต.ท. ขายข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจไซเบอร์ จับพันตำรวจโท และเจ้าที่กระทรวงพาณิชย์ ขายข้อมูลคนไทยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.) ร่วมกันเปิดเผยกรณีตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐให้ข้อมูลส่วนบุคคล กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยได้มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากปฏิบัติการ “เด็ดปีกมังกร” จับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาของ บช.สอท. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 ราย เป็นกลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า 8 ราย กลุ่มรวบรวมบัญชีม้าเพื่อส่งต่อให้นายทุนชาวจีน 1 ราย และกลุ่มที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย เพื่อนำไปใช้ในการหลอกลวง 2 ราย เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกจับ รายแรก เป็นตำรวจ ยศ “พ.ต.ท.” พฤติการณ์ คือจะเข้ารหัสไปกดดูฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหาย โดยพบว่าเข้าไปกดดูมากจนนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนรายที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างของกระทรวงแห่งหนึ่ง ย่านสนามบินน้ำ จะเข้าระบบไปล้วงข้อมูลการจดทะเบียนการค้า หรือตราธุรกิจของผู้เสียหาย ไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะดูข้อมูลว่าเหยื่อว่ารายใดมีฐานะร่ำรวย มีทุนจดทะเบียนทางธุรกิจด้วยเงินจำนวนมากแล้ว จึงนำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์  โดยทั้ง 2 ราย จะมีรายได้จากการขายข้อมูลคนไทยด้วยกัน ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน วันละ 20,000 บาท หรือเดือนละ 600,000 บาท ซึ่งทางธนาคารพบการเคลื่อนไหวของเงินจากบัญชีม้า เข้ามายังบัญชีของผู้ต้องหา จึงประสานตำรวจตรวจสอบ และนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม […]

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ห้วง 10-25 ต.ค.65 จับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 500 ราย และตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนชี้แจงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และการรับจ้างเปิดบัญชีม้า ในห้วงวันที่ 10 – 25 ต.ค.65 ดังต่อไปนี้ ตามโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการควบคุม และปราบปรามอย่างต่อเนื่องให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมถึงแก้ไขปัญหาการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้มิจฉาชีพนำไปกระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปรามปรามจับกุมผู้กระทำผิดในทุกมิติ รวมถึงขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด อาวุธปืน บัญชีม้า และสิ่งของผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ […]

ตร.เตือน! คิดก่อนพูด โพสต์ ละเมิดสิทธิระวังเจอคุก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอฝากเตือนสติการโพสต์ข้อความ หรือการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ และแนวทางในการแสดงความเห็นที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ดังต่อไปนี้ ด้วยในยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาของเทคโนโลยี ประชาชนนิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆกันอย่างแพร่หลาย ในการโพสต์ข้อความ แสดงความคิดเห็นด้วยวีดีโอ ภาพนิ่ง รวมถึงในกรณีตามที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นในหลายๆ เรื่อง ในหลายๆ มิติ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยมีการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์โต้ตอบกันไปมาอย่างกว้างขวางซึ่งในบางครั้งอาจจะไปกระทบถึงสิทธิหรือละเมิดผู้อื่นตามความผิดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีความห่วงใยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทุกช่องทางต่างๆ ที่อาจไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น โดยขอให้ประชาชนใช้สติในการโพสต์ การแสดงความคิดเห็น หลีกเลี่ยงการกระทำในลักษณะที่อาจจะทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายกระทบต่อสิทธิเสรีภาพผู้อื่น หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือถูกเกลียดชัง ซึ่งคำที่หมิ่นประมาทนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้คำที่ก้าวร้าว หยาบคาย แม้เป็นคำพูดสุภาพก็อาจจะเป็นหมิ่นประมาทได้ สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นโดยยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้บุคคลทั่วไปที่อ่านข้อความรู้ได้แน่นอนว่าหมายถึงผู้ใด แต่หากไม่มีการระบุชื่อ แต่บริบทสามารถบ่งบอกได้ว่าคือผู้ใด ก็สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องได้ตามขั้นตอนกฎหมายได้ นอกจากนี้การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นด้วยคลิปวีดีโอ ข้อความ หรือการใช้ภาพ ขอให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่เป็นไป ตามเงื่อนไขของ ป.อาญา มาตรา 329 ดังนี้ 1.มีบุคคลที่สามและน่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง 2.ไม่ได้เพื่อป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเพื่อความเป็นธรรม […]

ตำรวจไซเบอร์-เอไอเอส เดินหน้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจไซเบอร์ – เอไอเอส เดินหน้า จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่อเนื่อง ล่าสุด เจอแหล่งกบดานที่ จ.ชุมพร 5 ตุลาคม 2565 : จากการที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัด ขับเคลื่อนนโยบายในการปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกำหนดให้การลดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นนโยบายเร่งด่วน และที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร่วมกับ เอไอเอส จับกุมเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและตรวจยึดเครื่อง GSM Gateways (Simbox) ซึ่ง เป็นเครื่องมือที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการกระทำความผิด เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. ได้ทำการสืบสวนขยายผลจนกระทั่งทราบว่ามีการใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ดังนั้นกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 […]

1 2