ค่ายเพลงดังเกาหลี เตรียมใช้คลิปเอ็มวีทีม “Victory Crew” ของเด็กเชียงใหม่ เปิดโชว์ในเวิลด์ทัวร์ของ “BLACK PINK”ทั่วโลก

ค่ายเพลงดังเกาหลีแจ้งข่าวเตรียมใช้คลิปเอ็มวีทีม “Victory Crew”ของเด็กเชียงใหม่ที่ชนะเลิศเต้นคัฟเวอร์ เปิดโชว์เป็นส่วนหนึ่งในการเดินสายจัดการแสดงเวิลด์ทัวร์ของศิลปินวงดัง “BLACK PINK”ทั่วโลก

ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า หลังจากที่กลุ่มเด็กสาวนักเต้นลูกหลานชาวเชียงใหม่ในนามทีม Victory Crew ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน อายุ 15-17 ปี จากสถาบันสอนเต้น แด๊นซ์ โซน ได้แก่ นางสาวเอมิลี่ บี หลิง ตัน, นางสาวเพาพะงา การุณนราพร, นางสาวนภัสสวรรค์ ประทุมเมศร์ และ นางสาว ภัคภร เอี่ยมทัพ คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 และเตรียมรับเงินรางวัล 20 ล้านวอนหรือประมาณ 535,000 บาท จากการประกวด Kill This Love Dance Cover with Kia ซึ่งเป็นการประกวดเต้นโคเวอร์ เพลง Kill This Love ของวง “BLACK PINK” ศิลปิน เกิร์ลกรุ๊ป ของค่าย YG Entertainment จากประเทศเกาหลี ที่มีทีมส่งคลิปเข้าร่วมจำนวนมากจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยสร้างชื่อเสียงและความภูมิใจให้กับจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยอย่างมาก รวมทั้งกลายเป็นกระแสที่สร้างความฮือฮาอย่างมากในโซเชียลมีเดียและกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบการเต้น

ล่าสุดทางทีม Victory Crew ได้รับข่าวดีเพิ่มเติม จากการแจ้งมาทางอีเมล์โดยค่าย YG Entertainmentจะมีการใช้คลิปภาพจากเอ็มวี ของทีม Victory Crew ที่ชนะเลิศการประกวด นำไปเปิดโชว์เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ ในรอบเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตของวง BLACK PINK ที่จะเริ่มเดินสายจัดการแสดงไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งทวีปอเมริกา ยุโรป รวมทั้งประเทศไทย เพื่อชื่นชมความสามารถ และเป็นแรงบัลดาลใจให้กับเด็กๆ ทั่วโลกที่ชื่นชอบการร้องเพลง และการเต้นในสไตล์เคป๊อบ ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ศิลปินวง BLACK PINK จะมาเปิดคอนเสิร์ต ที่กรุงเทพ ในวันที่ 13 และ14 ก.ค.62 ที่มีการเพิ่มรอบอีก 1 รอบ และจำหน่ายบัตรหมดไปแล้วด้วย

ส่วนเรื่องของการรับรางวัลจากการประกวดนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึง โดยสมาชิกทีมทั้ง 4 คน ยังหวังลึกๆ ที่จะขอให้เกิดเซอร์ไพรส์ที่สุดในชีวิต ที่จะได้เข้าไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่ประเทศไทย ซึ่งไม่สามารถจองตั๋วได้ทัน เนื่องจากหมดไปอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญตอนนี้ถือว่าเด็กๆ กลุ่มนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และเป็นแรงบัลดาลใจให้กับเยาวชนไทยที่ชื่นชอบการเต้นคัฟเวอร์ และยังจะได้รับการเผยแพร่โปรโมทไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยวง BLACK PINK เจ้าของผลงานด้วย