ชาวเชียงใหม่ โพสต์ภาพน้ำคูเมืองกลับมาเขียวขุ่น เทศบาลยันอากาศร้อนจัด

ชาวเชียงใหม่ โพลต์ภาพน้ำคูเมืองกลับมาเขียวขุ่น เทศบาลยันอากาศร้อนจัด สภาพน้ำเป็นสีเขียวขุ่นขยายเป็นวงกว้าง และมีสาหร่ายลอยอยู่เต็มบนพื้นผิวน้ำ บริเวณแจ่งขะต้ำ สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวเชียงใหม่เป็นอย่างมาก ถึงผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ และยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว จึงโพลต์วอนให้หน่วยงานภาครัฐ ที่รับผิดชอบเข้ามาแก้ไขเร่งด่วน
จากกรณีที่โลกโซเชียล ได้มีการโพลต์ภาพน้ำคูเมืองเชียงใหม่ ที่มีสภาพน้ำเป็นสีเขียวขุ่นขยายเป็นวงกว้าง และมีสาหร่ายลอยอยู่เต็มบนพื้นผิวน้ำบริเวณแจ่งขะต้ำ สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวเชียงใหม่เป็นอย่างมาก ถึงผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ และยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว จึงโพลต์วอนให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ เข้ามาแก้ไขเร่งด่วน จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณแจ่งขะต้ำ พบว่าสภาพน้ำคูเมืองเชียงใหม่ มีสีเขียวเข้มและขุ่นอย่างเห็นได้ชัด และจากการสังเกตการณ์ พบว่าสภาพน้ำสีเขียวดังกล่าว มีแนวโน้มที่จะขยายวงกว้างมากขึ้นอีก โดยเฉพาะสาหร่ายสีเขียวที่อยู่ในน้ำ ที่เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปกคลุมผิวน้ำและน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำขาดออก ซิเจน จนทำให้สัตว์น้ำและปลาเริ่มขาดออกซิเจน

ทั้งนี้ทางด้าน นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพน้ำคูเมืองที่เป็นสีเขียวขุ่น และมีสาหร่ายสีเขียวปกคลุมนั้น มักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าร้อนของทุกปี ซึ่งมีลักษณะเป็นตะกอนเหนียวปกคลุมพื้นผิวน้ำ กลายเป็นแผ่นสีเขียวแพร่กระจายไปทั่วคูเมือง โดยในตอนนี้พบว่าบริเวณช่วงแจ่งขะต๊ำเกิดมากที่สุดอยู่ในขณะนี้ ประกอบในระยะนี้ จ.เชียงใหม่ มีสภาพอากาศที่ร้อนจัดจะเห็นน้ำคูเมืองเป็นสีเขียวเข้มในช่วงบ่าย อีกทั้งปัจจัยจากปุ๋ยและสารเร่งดอกจากต้นไม้ไหลลงน้ำ พร้อมกับแสงแดดที่เหมาะสม ส่งผลให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตาม จากสภาพน้ำที่เขียวขุ่นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใดต่อสัตว์น้ำในคูเมือง แต่อาจจะเห็นว่าน้ำคูเมืองไม่ใสสะอาดเท่านั้น

นายทัศนัย ยังกล่าวอีกว่า ในตอนนี้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ทำการนำเครื่องเพิ่มออกซิเจนไปติดตั้งพร้อมทั้งเปิดน้ำพุเพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำแล้ว และจากนี้รอการผันน้ำจากทางชลประทานเชียงใหม่เพื่อช่วยผันน้ำเก่าออกไป เอาน้ำใหม่เข้ามาแทนน้ำในคูเมืองเชียงใหม่ ก็จะกลับมาใสสะอาดเช่นดั้งเดิมจึงขอให้ชาวเชียงใหม่อย่าได้วิตกกังวลในเรื่องนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น