จนท.สนธิกำลังเข้ายึดร้านอาหารรุกลำห้วยไม่ต้องออกหนังสือแจ้งให้ทราบเป็นการบุกรุกความผิดสำเร็จแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานมาจากจังหวัดแพร่มาเมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 27 พ.ฤษภาคม 2562 นายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน กอบได้ด้วย ป่าไม้ ตำรวจ อส ทหาร และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวม 250 นาย เพื่อเข้าไปตรวจยึดพื้นที่บุกรุกลำห้วยแม่ก๋อน บนถนนสาย ช่อแฮ หลังวัดพระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่
จากกรณีที่ได้มีชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ว่ามีการกักเก็บน้ำในลำห้วยแม่ก๋อน ไว้ใช้ประโยชน์ส่วนตัว คือ กั้นไว้เป็นร้านอาหารให้กับลูกค้ามานั่นดื่มทานอาหารท่ามกลางสายน้ำ จนทำให้น้ำไม่ไหลลงไปสู้พื้นที่การเกษตร จนเกษตรกรไม่สามารถทำการเกษตรได้ ต่อมาทางผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ได้ลงไปตรวจสอบด้วยตนเองและเมื่อพบการกระทำผิดเช่นนี้ได้สั่งการให้กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทำการทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าของร้านเพื่อให้รื้อถอนภายใน 45 วันนั้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เผยว่า หลังจากได้ตั้งคณะทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเรื่องนี้เป็นความผิดชัดเจนและเป็นกรณีความผิดซึ้งหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบก่อน ควรจะเข้ายึดคืนพื้นที่ไว้ก่อน แล้วเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่งคดีให้พนักงานสอบสวน สภ.พระธาตุช่อแฮดำเนินการต่อ แต่ในวันนี้เบื้องต้นได้มอบหมายให้ทุกฝ่ายเข้ามาทำการยึดคืนพื้นที่ป่าสงวนทั้งหมดที่ถูกบุกรุก จากนั้นค่อยแจ้งให้เจ้าของทำการรื้อถอนออกภายใน45วัน ในขณะเดียวกันวันนี้ต้องส่งคดีแจ้งความดำเนินคดีผู้บุกรุกด้วย
นายสมบูรณ์ ธีระบัณทิตกุล ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ กรมป่าไม้ได้นำเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดไว้ รวมทั้งหมด 43 ราย ด้วยกัน ที่เห็นชัดเจนว่าทำการบุกรุก วันนี้ได้ลงมาทำการยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้อายัดแต่ยึดคืนพื้นที่ที่บุกรุกชัดเจน รวม 43 รายด้วยกัน จากนั้น ผู้ประกอบการรายใดที่อ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ ก็เอามาแสดง ในส่วนด้านบนขึ้นไปห่างจากลำห้วย เราจะต้องตรวจสอบย้อนหลังว่าเอกสารนั้นคือเอกสารอะไร แต่หากเอาเอกสารที่อ้างเอาและปลอมแปลงมาเสนอก็จะเจอข้อหาอีกข้อหาแน่นอนเพราะ ในพื้นที่ลำห้วย หรือป่าสงวน ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ใครได้
ส่วนบางรายที่อ้างเอกสารสิทธิ์ สทก. นั้น ก็เอามาแสดง แต่พื้นที่แบบนี้ไม่สามารถออกเอกสาร สทก. ได้ เพราะเป็นลำห้วย สทก. นั้นออกให้เกษตรกรทำการเกษตร ไม่ใช่ให้มาสร้างอาคารร้านค้าแบบนี้ ยังไงก็ผิดชัดเจน ในส่วนเอกสารสิทธิ์ที่นำมาแสดงก็จะทำการสอบสวนต่อไปว่าออกมาให้ได้อย่างไร ใครเป็นผู้ออก นอกจากนั้นยังมีบางรายก็ว่า เป็นที่ดินมรดกที่ปู่ย่าตายายทำมาเป็นสิบยี่สิบปี นั่นเป็นการอ้างเหตุผลแต่หากมีจริงก็ทำได้เพียงหากินตามธรรมชาติเช่นเมื่อก่อนมีการปลูกผักชะโอมตลอดสายถึงเวลาก็เก็บเกี่ยวไปขายทางการก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่นี่เล่นรุกล้ำกันจนมองไม่เห็นลำห้วยจะมาอ้าง ว่าเป็นพื้นที่ทำกินตั้งแต่ปู่ย่าได้ยังไง
ร้านค้าที่ทำการบุกรุกนั้น ทั้งหมด 43 ร้าน ซึ่งดูตามชื่อเจ้าของที่ครอบครอง ก็จะเห็นได้ว่า เป็นคนมีตำแหน่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการทั้งปัจจุบันและที่เกษตรอายุราชการไปแล้ว และมีอยู่ร้านหนึ่งที่อ้างว่ามีการซื้อขายมาจาก ปลัด อบจ.แห่งหนึ่งด้วย ซึ่งเรื่องนี้ ทาง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้มีการตรวจสอบย้อนหลังกันแล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น