สุดสลด! สาวเชียงรายป่วยโรครุมเร้า พี่สาวพามารักษาที่เชียงใหม่ สุดท้ายเครียดคิดสั้นกระโดดตึกตาย

จากกรณีที่เมื่อช่วงเย็น เวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 5 มิ.ย.62 ทาง พ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุคนตกตึกเสียชีวิต บริเวณอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ย่านถนนสุเทพ  ภายหลังทราบเรื่องจึงได้รุดเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร่วมกับทาง แพทย์นิติเวช ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิรวมใจฯโดยในที่เกิดเหตุเป็นทางเข้าลานจอดรถของอพาร์ทเมนท์ พบศพหญิง 1 ราย สภาพศพนอนหงายอยู่กลางถนน มีเลือดไหลนองพื้น ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.สิตานัน กันทา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158 ม.4 ต.สันติสุข อ.พาน จ.เชียงราย โดยผู้เสียชีวิตนั้นสวมเสื้อยืดสีขาวลายดำแขนยาว กางเกงวอร์ม และรองเท้าแตะแบบหุ้มส้นสีขาว ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจชันสูตรพลิกศพ พบว่ามีกระดูหักทั่วร่างกาย กระโหลกแตกสมองและเลือดไหลออกมา นองพื้น จึงได้ให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งทำการเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต ออกจากที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา

ขณะเดียวกันความคืบหน้าล่าสุด จากการสอบสวนพยานซึ่งเป็นพนักงานของทางอพาร์ทเมนท์ดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายได้มาเปิดห้องพักเมื่อเวลา 16.00 น. ของวานนี้ (5 มิ.ย.62) โดยเปิดห้องพักบริเวณชั้น 4 และอยู่กับพี่สาว 2 คน จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. ก็ได้ยินเสียงคล้ายกับมีของร่วงหล่นลงบนพื้น จึงออกมาดูก็พบร่างของผู้ตายนอนแน่นิ่งอยู่ จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจ ให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ขณะที่ทางด้าน น.ส.ยุพา กันทา อายุ 50 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิตเผยว่า ตนและผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาจาก จ.เชียงราย เพื่อพาน้องสาวคือผู้ตายมาพบแพทย์ ซึ่งผู้ตายนั้นป่วยเป็นโรคประจำตัวหลายโรค เช่น โรคไทรอยด์ โรคไต ซึ่งในวันนี้ผู้เสียชีวิตก็ได้ไปพบแพทย์มา เพื่อเตรียมจะเข้ารับการรักษาผ่าตัด จากนั้นเมื่อมาถึงห้องพักผู้ตายก็ได้ขอตัวออกไปชมวิวบริเวณหน้าต่าง ซึ่งตนนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ในห้องก็คิดไม่ถึงว่าน้องสาวจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าน่าจะเครียดเรื่องโรครุมเร้าอย่างไรก็ตาม ทางแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบบนห้องพัก ที่ผู้เสียชีวิตมาพักอยู่กับพี่สาวดังกล่าว ก็พบยารักษาโรคจำนวนหนึ่ง ส่วนร่องรอยและความเป็นไปได้ในการถูกทำร้ายนั้น จะได้ส่งศพของผู้ตายไปให้แพทย์ภาควิชานิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น