ตายแล้ว 2 ราย เปิบเห็ดพิษ สสจ.เชียงใหม่ เผยสถิติปี 62 ช่วง 5-6 เดือน เตือนสังเกตลักษณะเห็ดให้ดีก่อนนำมาทาน

วันที่ 6 มิ.ย.62 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีรายงานพบผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดพิษที่ขึ้นในป่า และเสียชีวิตถึง 2 ราย โดยรายแรกเป็นชาย อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ใน ต.ปางหินฝน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ผู้ป่วยมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้องบิด อาเจียน อ่อนเพลีย และเสียชีวิตจากไตและตับวายจากการรับประทานเห็ดที่มีลักษณะคล้ายกับเห็ดไข่ห่าน สีขาวล้วน ก้านตัน ไม่มีโพรง เก็บมาจากบริเวณป่าดิบชื้น ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวคือความดันและไขมัน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจอมทอง เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา และรายล่าสุดที่เพิ่งเสียชีวิตในเช้าวันนี้ (6 มิ.ย.62) ทราบข้อมูลว่าเป็นชาย ไม่มีสัญชาติ อายุ 30 ปี อาศัยอยู่ใน ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเป็นน้ำสีเหลือง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ ทานไม่ได้ ตาเหลือง ตัวเหลือง และเสียชีวิตจากไตและตับวายจากการรับประทานเห็ดซึ่งมีลักษณะคล้ายเป็นเห็ดสีขาวล้วน ซึ่งผู้ป่วยชี้ภาพเห็ดระโงกและเห็ดระงากขาว เก็บมาจากป่าที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ผู้ป่วยปฏิเสธว่ามีโรคประจำตัว ดื่มสุรา แต่ไม่ได้ดื่มพร้อมกับเห็ด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจอมทอง ตามที่มีข้อมูลปรากฎออกมาแล้วนั้นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 มิ.ย.62 ทางด้าน นางวิภารัศมิ์ ทิพย์ปัญญา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่า จากสถิติช่วงระยะเวลา 5 ปี ย้อนหลังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มีรายงานสถิติตั้งแต่ปี 2558 พบว่าในปี 2558 นั้น มีผู้ป่วยที่เกิดจากการรับประทานเห็นพิษจำนวนทั้งสิ้น 30 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต และในปี 2559 มีผู้ป่วยทั้งสิ้่น 35 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนในปี 2560 มียอดผู้ป่วยทั้งสิ้น 17 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และในปี 2561 มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 13 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนในปี 2562 ที่เพิ่งผ่านมาเพียง 5-6 เดือน พบผู้ป่วยและเสียชีวิตแล้วถึง 2 ราย โดยส่วนใหญ่สาเหตุนั้นมาจากการเก็บเห็ดพิษที่มีลักษณะคล้ายกับเห็ดที่กินได้มารับประทาน จึงขอแจ้งให้ประชาชนและชาวบ้านที่นิยมเก็บเห็ดในป่าช่วงระยะนี้สังเกตลักษณะของเห็ดแต่ละชนิดให้ดี โดยเฉพาะเห็ดพิษซึ่งจะแตกต่างจากเห็ดโดยทั่วไป โดยเห็ดที่เป็นเห็ดพิษนั้นบริเวณที่เรียกว่าหมวกเห็ดจะมีลักษณะผิวขรุขระ คล้ายผิวของคางคก และมักจะมีสีสันฉูดฉาด และเมื่อเห็ดเหล่านี้เริ่มแก่ก็จะมีกลิ่นเหม็น รวมทั้งสังเกตวงแหวนที่อยู่ใต้หมวกเห็ด ที่สำคัญคือเห็ดพิษส่วนใหญ่จะเกิดใกล้กับบริเวณที่มีมูลสัตว์ต่างๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้สามารถสังเกตลักษณะของเห็ดพิษได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
นางวิภารัศมิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผู้ป่วยที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายนั้น จากการตรวจสอบพบว่าได้มีการรับประทานเห็ดพิษที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับเห็นที่สามารถนำมารับประทานได้ อย่างเช่นรายล่าสุดที่เสียชีวิตในวันนี้ทราบว่าเห็ดที่ผู้เสียชีวิตทานเข้าไปคือเห็ดระโงก ส่วนที่ว่ามีความใกล้เคียงกันนั้นคือเห็ดที่สามารถรับประทานได้กับเห็ดที่มีพิษนั้นมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยเห็ดระโงกที่สามารถรับประทานได้นั้นจะมีเยื่อโผล่มาบริเวณโคน ส่วนเห็ดพิษที่ผู้เสียชีวิตรับประทานเข้าไปนั้นสังเกตจะไม่มีเยื้อบริเวณโคนดังที่กล่าวมา ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “เห็ดตีนตัน” ที่จะคล้ายกันกับเห็ดระโงก โดยเมื่อรับประทานเห็ดชนิดนี้เข้าไปก็จะมีอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็จะทำให้ระดับการรู้สึกตัวลดลง จนหมดสติและหากนำส่งโรงพยาบาลช้าก็ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกายหากผู้ป่วยมีการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์ด้วยนั้นก็จะเสริมฤทธิ์ทำให้พิษของเห็ดนั้นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น รวมไปถึงอายุของผู้ป่วยหากมีอายุมากหรือโรคประจำตัวด้วยก็จะทำให้โอกาสเสียชีวิตมีเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามหากพบเจอผู้ป่วยที่รับประทานเห็ดพิษเข้าไปอันดับแรกควรสังเกตอาการและบริเวณใกล้เคียงว่ามีอุปกรณ์ในการช่วยหายใจหรือไม่ จากนั้นควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที นอกจากนี้มีผู้แนะนำว่ามีพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อว่า “รังจืด” สามารถช่วยได้ระดับเบื้องต้นแต่การใช้สมุนไพรดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับระดับ ซึ่งควรมีผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญพอสมควร เนื่องจากการใช้สมุนไพรดังกล่าวก็ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ป่วย รวมไปถึงอาการด้วย แต่อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ใช้โดยพลการหรือไม่มีความรู้ในการใช้สมุนไพร ดังนั้นการช่วยเหลือที่ดีที่สุดหากพบผู้ป่วยจึงควรรีบนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธาณสุขอย่างเร่งด่วนจะดีที่สุด รวมทั้งมีการเก็บตัวอย่างเห็ดที่ผู้ป่วยบริโภคเข้าไปมาให้แพทย์ตรวจสอบด้วยจะดีมาก เพื่อให้สามารถวินิจฉัยหรือรักษาได้ตรวจกับอาการของผู้ป่วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น