เกษตรกรบ้านหนองแห้ง หันมาใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูกพืช ส่งผลดีและประหยัดค่าใช้จ่าย

เกษตรกรบ้านหนองแห้ง ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน หันมาใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูกพืช ซึ่งได้ผลดีและประหยัดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงเวลาได้เป็นอย่างดี
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2562 นายกฤษดา ปัญญาบุญกุศล อายุ 40 ปี เกษตรกรบ้านหนองแห้ง หมู่ 9 ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ได้ทำการปลูกถั่วเหลือง โดยใช้เครื่องหยอดเมล็ดถั่ว ซึ่งพบว่า ได้ผลดีและประหยัดเงินค่าจ้างแรงงานและใช้เวลาที่สั้นลงเป็นอย่างมาก
นายกฤษดา ปัญาบุญกุศล เปิดเผยว่า ตนได้ซื้อเครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์พืชมาใช้ในการผลิต โดยช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน จึงได้ทำการปลูกถั่วเหลือง โดยใช้อุปกรณ์เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์พืชมาใช้การการปลูกถั่ว ฯ ซึ่งจากการใช้เครื่องดังกล่าว ทำให้ประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก จากปกติ การปลูกถั่ว เนื้อที่ 1 ไร่ จะต้องใช้แรงงาน คนอย่างต่ำ 3 คน ตกค่าจ้างวันละ 200 บาท โดยมีคนขุดหลุม 1 คน คนหยอดเมล็ดถั่ว 1 คน และคนเดินตามกลบหลุมถั่วอีก 1 คน ซึ่งจะใช้เวลาในการปลูกไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที ขณะที่ใช้เครื่องหยอดเม็ดถั่ว จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทำให้ประหยัดเวลาได้ 1 ชั่วโมงและประหยัดค่าจ้างอีก 600 บาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาของเครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์พืช ก็มีอยู่บ้าง คือ หากดินแฉะเกิน จะทำให้ดินติดที่ปากเจาะหลุมและหยอดเมล็ด ทำให้ต้องคอยแคะดินออกบ่อยครั้ง แต่ถ้าเป็นดินที่ไม่เปียกมากเกินไป จะทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น รวมไปถึงผิวพื้นที่ที่การเกษตร หากเป็นไหล่เขา ส่วนใหญ่จะมีก้อนหินขนาดต่าง ๆ ปนอยู่บนผิวดิน จะทำให้ทำงานได้ช้าลงบ้าง แต่ก็ถือว่าดีกว่าใช้แรงงานคน

สำหรับบ้านหนองแห้ง เกษตรกรส่วนใหญ่ในช่วงต้นฤดูฝน จะทำการปลูกถั่วเหลือง , ข้าวไร่ และข้าวโพด หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว จะทำการเตรียมดินและปลูกกระเทียม ซึ่งปีนี้ราคากระเทียมถือว่าดีและทำให้ราษฎรดีใจและไม่ลำบากเหมือนปีที่ผ่านมา ที่ทางภาครัฐเข้ามาประกันราคากระเทียม ส่งผลให้พ่อค้าคนกลางพากันเลิกการสั่งซื้อ และรอให้กระเทียมแห้งจนเกือบถึงปลายปีแล้วเข้ามารับซื้อส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนอย่างหนัก

ร่วมแสดงความคิดเห็น