งานเทศกาลไทย ณ นครเฉิงตู ประจำปี 2562 ก้าวสู่การดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ 

จบลงแล้วและประสบความสำเร็จอย่างงดงามสำหรับงานเทศกาลไทย ณ นครเฉิงตู ประจำปี 2562 จัดขึ้นเมื่อ วันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 ณ บริเวณลานหน้าห้างสรรพสินค้าเหรินเหอชุนเทียน สาขากวังฮวา เขตชิงหยาง  นครเฉิงตู เทศกาลไทยครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 14 แล้ว นับตั้งแต่เปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู เมื่อปี 2548 วัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและนครเฉิงตูในระดับรัฐบาล และประชาชน  ในด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  เทศกาลไทยเป็นกิจกรรมที่เป็นที่รู้จักและนิยมของชาวนครเฉิงตูอย่างแพร่หลาย กลายเป็น “แบรนด์” หนึ่งของนครเฉิงตูก็ว่าได้
งานเทศกาลไทย ณ นครเฉิงตูในปีนี้ เป็นครั้งแรกที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ได้ร่วมกับกลุ่มการค้าชายแดนและค้าข้ามแดนด้านจีนตอนใต้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานดังกล่าวขึ้น โดยหน่วยงานทั้งสองได้ช่วยคัดเลือกผู้ประกอบการในการออกบูธ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงานบางส่วน นอกจากนั้น สถานกงสุลใหญ่ฯ ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานจากรัฐบาลนครเฉิงตู และได้รับความร่วมมือในการจัดงานจากเขตชิงหยาง นครเฉิงตู และห้างสรรพสินค้าเหรินเหอชุนเทียน เป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้เลยคือ หน่วยงานทีมประเทศไทย ณ นครเฉิงตู ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเฉิงตู สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู (สคต.เฉิงตู) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานนครเฉิงตู โดยในปีนี้มีความพิเศษคือ งานเทศกาลไทยได้เข้าไปอยู่ภายใต้ธีมงาน Chengdu Panda Asia Food Festival ของรัฐบาลนครเฉิงตูด้วย
พิธีเปิดงานเทศกาลไทยฯ มีขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 เวลา 15:00 น. โดยนายวิทิต เภาวัฒนาสุข   กงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ได้กล่าวเปิดและเป็นประธานในพิธีเปิดร่วมกับ นายหัน หยี่ รองประธานสภาที่ปรึกษาทาง การเมือง นครเฉิงตู และเลขาธิการพรรคฯ ประจำเขตซวงหลิว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของนครเฉิงตูหลายท่าน รวมทั้งกงสุลใหญ่และคณะกงสุลต่างประเทศประจำนครเฉิงตู ให้เกียรติเข้าร่วมงาน 6 ประเทศ ได้แก่ กงสุลใหญ่จากนิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และออสเตรเลีย รวมถึง รองกงสุลจากสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังมีสื่อมวลชนท้องถิ่นอีกมากมายหลายสื่อ ประมาณ 20 ราย เข้าร่วมทำข่าว และชาวนครเฉิงตูเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
สำหรับการจัดงานในปีนี้ กลุ่มการค้าชายแดนและค้าข้ามแดนด้านจีนตอนใต้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และวิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการคัดเลือกจากสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้มาร่วมสนับสนุนการจัดงานเป็นครั้งแรก โดยหน่วยงานทั้งสองได้ช่วยคัดเลือกผู้ประกอบการไทยมาร่วมออกร้านจัดบูธแสดงและจำหน่ายสินค้าภายในงาน จำนวนบูธในปีนี้มีทั้งหมด 76 บูธ ครอบคลุมกลุ่มสินค้าคุณภาพ  4 ประเภท ได้แก่ (1) สินค้าสปาเพื่อสุขภาพและเครื่องสำอาง (2) สินค้าเกษตรแปรรูป ทั้งอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงเครื่องปรุง และผลไม้ (3) ของตกแต่งบ้าน และ (4) เครื่องประดับ กระเป๋า เสื้อผ้าและผ้าพันคอ เป็นต้น ทำให้ชาวเฉิงตูและผู้บริโภคเมืองใกล้เคียงสามารถเลือกสรรสินค้ากันได้อย่างจุใจ โดยวิทยาลัยนานาชาติฯ คัดเลือกผู้ประกอบการจำนวน 60 บูธ และกลุ่มการค้าชายแดนฯ คัดเลือกผู้ประกอบการมาออกบูธจำนวน 20 บูธ ซึ่งในปีนี้ทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตูยังได้จัดกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจีนด้วย
นอกเหนือจากสินค้าไทยที่นำมาแสดงและจำหน่ายภายในงานแล้ว ยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยบนเวที โดยคณะนาฏศิลป์ “รำไทยโปรโมชั่น” ที่ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเฉิงตู ในชุดการแสดงที่หลากหลาย อาทิ  ระบำเหมราช ศิลปะการต่อสู้ พอง-ไม้ศอก ศิลปะการต่อสู้ มวยไทยคาดเชือก  ฟ้อนเล็บ ฟ้อนขันดอก ระบำศรีวิชัย เป็นต้น รวมถึง บนเวทียังมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์สินค้าไทยและกิจกรรม สันทนาการ การจับฉลากชิงรางวัล/ของสมนาคุณต่าง ๆ รวมถึงการเชิญชวนชาวเฉิงตูเล่นเกมส์ตอบคำถามเกี่ยวกับประเทศไทย กิจกรรมการสาธิตการนวดไทยโบราณด้วยท่อนไม้ ด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้ร่วมลุ้นชิงโชครางวัลใหญ่เป็นตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เฉิงตู-กรุงเทพฯ-เฉิงตู จำนวน 1 ใบ อภินันทนาการจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงาน นครเฉิงตู ด้วย ซึ่งกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกิจกรรมสันทนาการเหล่านี้มีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศ เรียกร้องความสนใจ สร้างความคึกคักแก่งาน และช่วยสร้างสีสันภายในงานให้กับชาวจีน นครเฉิงตูได้เป็นอย่างมากตลอดช่วงระยะเวลาในการจัดงาน
นอกจากงานกิจกรรมข้างต้นดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญ และถือเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นภายในงานเทศกาลไทย คือ กิจกรรมแข่งทานเผ็ด หรือ Spicy Challenge ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวจีนและชาวต่างชาติในนครเฉิงตูเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยเป็นการแข่งขันทานอาหารไทยรสเผ็ด โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้รับสิทธิพิเศษในการลุ้นชิงโชครางวัลตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เฉิงตู-กรุงเทพฯ-เฉิงตู จำนวน 1 ใบ

อีกหนึ่งความพิเศษของงานเทศกาลไทยในครั้งนี้ คือ ผู้ประกอบการไทยได้ใช้ FinTech หรือ ระบบการรับเงินและการจ่ายเงินแบบออนไลน์ ทั้งในรูปแบบของ Alipay (จือฟู่ป่าว) และ We Chat Pay (เวยซิ่นจือฟู่) และยังได้มีส่วนสนับสนุนผลักดันการซื้อขายผ่านช่องทางการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน หรือ Cross Border E-commerce (CBEC) ซึ่งสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคชาวจีน และผู้ประกอบการต่างชาติสามารถใช้ประโยชน์ของกฏ ระเบียบ การซื้อขาย ที่ผ่อนปรนกว่าการซื้อขายตามช่องทางการค้าปกติ ซึ่งน่าจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายระยะยาว และทำให้เกิดความคล่องตัวของการค้าขายระหว่างไทยและจีนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังสอดคล้องกับยุคสังคมไร้เงินสดของจีน และสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้ก้าวสู่ความทันสมัยด้วย

นอกจากนั้น ยังถือว่าการสอดคล้องกับนโยบาย Made in China 2025 ของจีน ที่จีนเองก็เน้นการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการผลิตและการประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์สินค้าและการจับจ่ายในชีวิตประจำวันด้วย

งานเทศกาลไทย ณ นครเฉิงตู ประจำปี 2562 ครั้งที่ 14 นี้ ปิดฉากลงพร้อมกับความสำเร็จอย่างงดงาม และมีผลตอบรับของการจัดงานที่ดีมาก ได้รับคำชมเชยจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักการทูตต่างประเทศ และทางการจีน ซึ่งยอมรับว่างานเทศกาลของไทยภายใต้ธีมงาน  Chengdu Panda Asia Food Festival ของรัฐบาลนครเฉิงตู เป็นงานที่มี scale ที่ใหญ่ที่สุดกว่าทุกประเทศ มีความหลากหลาย น่าสนใจ และทำให้เอกลักษณ์ที่ดีงามของไทยด้านต่าง ๆ

รวมถึง สินค้าคุณภาพของไทย ได้ถูกเผยแพร่ไปสู่สายตาชาวจีนเป็นจำนวนมาก จากการดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุกทุกช่องทางของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู รวมถึง ผู้ประกอบการไทยเกือบทุกรายรู้สึกขอบคุณสถานกงสุลใหญ่ฯ ที่ทำให้งานดังกล่าวเกิดขึ้นได้ ทำให้ได้มีโอกาสมาศึกษาตลาด ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคจีนในภูมิภาคตะวันตะเฉียงใต้แห่งนี้  ให้ได้เรียนรู้เพื่อนำประสบการณ์ที่ประสบพบเจอกลับไปปรับปรุงและพัฒนาสินค้าของตนเองให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น ยังเป็นโอกาสดีแก่ผู้ประกอบการไทยที่ได้ติดต่อปฏิสัมพันธ์กับคู่ค้า / ผู้แทนจำหน่ายในนครเฉิงตู/มณฑลเสฉวน เพื่อก้าวไปสู่การดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้นในอนาคต  ถือเป็นช่องทางที่จะได้ “ไปต่อด้วยความสามารถของตนเอง” ในการค้าขายในภูมิภาคแห่งนี้ ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” “ต้องรู้เขา รู้เรา” และที่สำคัญต้องให้เกียรติประเทศคู่ค้า รู้จักรักษากฏ ระเบียบ ของการค้าระหว่างประเทศ และเคารพกฎหมายของจีนอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อให้ความร่วมมือด้านการค้าเป็นความร่วมมือที่ไม่ฉาบฉวย และสามารถครองใจตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ร่วมแสดงความคิดเห็น