ชาวบ้านแม่เหียะ เข้ายื่นหนังสือต่อนายก ทม.แม่เหียะ กรณีฟ้องร้องพื้นที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงใหม่

ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนตำบลแม่เหียะ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตอาหารสัตว์ 4 ตำบล พร้อมด้วยชาวบ้านในตำบลแม่เหียะ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ ไม่เข้าร่วมประชุมไกล่เกลี่ยกรณีฟ้องร้องพื้นที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ หลังศาลปกครองมีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการเกษตร รื้นถอนสิ่งของและเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ภายใน 120 วัน เพื่อให้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์บ้านสันพระนอนเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ของตำบล แต่เวลาผ่านไปหลายไปยังอยู่ในพื้นที่เหมือนเดิมที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายประหยัด จตุพนพิทักษ์กุล ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนตำบลแม่เหียะ นายดี จันทคลักษณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตอาหารสัตว์ 4 ตำบล พร้อมด้วยชาวบ้านในตำบลแม่เหียะ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ กรณีไม่เข้าร่วมประชุมและขอให้นายกเทศมนตรีพิจารณายกเลิกการประชุมพร้อมทำหนังสือแจ้งมติข้อเรียกร้องของราษฏรให้กับผู้เกี่ยวข้องรับทราบและดำเนินการ พร้อมนำสำเนาหนังสือแจ้งคำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่ ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งนายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะได้รับเรื่องไว้พิจารณานายดี จันทคลักษณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผลิตอาหารสัตว์ 4 ตำบล กล่าวว่า กรณีที่เดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ ตนเองก็เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในตำบลแม่เหียะ และในฐานะผู้ฟ้องคนหนึ่ง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่ดินสาธารณะประโยชน์นั้น ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2548-2549 เป็นต้นมา ซึ่งขณะนี้ได้สิ้นสุดคดี โดยศาลปกครองได้ตัดสินและออกคำสั่งยุติคดีแล้ว ให้กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ รื้อถอนขนย้ายสิ่งของและเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ภายใน 120 วัน แต่ชาวบ้านในตำบลแม่เหียะก็ยังคงมีความแคลงใจที่ว่า กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ทำไมจึงไม่ยอมออกจากพื้นที่ดังกล่าว ทั้งที่ศาลก็มีคำสั่งให้ย้ายออกไปแต่ก็ยังยื้อพื้นที่อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ และในวันนี้ทางกลุ่มจึงได้มายืนหนังสือก็เพื่อที่จะให้ทราบว่า พี่น้องประชาชนจะไม่เข้าร่วมเจรจาต่อรองใดๆทั้งสิ้นกับผู้ถูกฟ้องซึ่งถูกตัดสินคดีไปแล้วทั้งนี้ ตามที่นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ ได้มีหนังสือถึงนายประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนตำบลแม่เหียะผู้ร่วมฟ้องคดีนายอำเภอเมืองเชียงใหม่และกรมส่งเสริมการเกษตร เชิญนายประหยัดรวมถึงราษฎรผู้ฟ้องคดีร่วมประชุมกับกรมส่งเสริมการเกษตรในวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2562 ณ.ห้องประชุม ธนาวรรณ ชั้น 3 สำนักงานเทศบาลเมืองแม่เหียะ โดยอ้างตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาเรื่องรางขออนุญาตประกอบกิจการตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินประจำจังหวัดเชียงใหม่และคณะกรรมการกำกับการใช้ที่ดินของรัฐ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562 ณ ห้องประชุมสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีวาระพิจารณาคำร้องกรมส่งเสริมการเษตรขอใช้และขอถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันตามหลักฐานน.ส.ล เลขที่ 2445/2515 แปลง ที่เลี้ยงสัตว์บ้านสันพระนอนสาธารณประโยชน์ ตั้งอยู่ที่บ้านดอนปิน ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ 7-1-71 ไร่ ทั้งแปลงเพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่ทำการของศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติ เนื่องจากการขอใช้และขอถอนสภาพตามขั้นตอนยังมีความเห็นแย้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ผู้เคยใช้จึงให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการประสานกับท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่เพื่อขอทราบมติให้ชัดเจนภายในกำหนดระยะเวลา 90 วันแล้วให้ผู้ขอมานำเสนอต่อที่ประชุมในคราวต่อไป
ราษฎรผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่ความจำเป็นและความชอบธรรมใดๆอีกที่จะต้องประชุมหารือกับกรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อจะให้กรมส่งเสริมการเกษตรขอใช้ที่ดินสาธารณะสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอีกต่อไปแล้วเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาศาลปกครองได้ชี้แล้วว่าการเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะแปลงดังกล่าวกรมส่งเสริมการเกษตรเข้ามาใช้โดยไม่ชอบกฎหมาย นำงบประมาณมาก่อสร้างอาคารบ้านพักและโดยเฉพาะอาคารโรงงานเครื่องน้ำในปี 2532 ขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 100 เมตร จำนวน 1 หลังและ อุปกรณ์โรงงาน ประกอบด้วย เครื่องอบไอน้ำ (Vapour Heat Treatment) ขนาด 5 ตัน เครื่องคัดขนาดพร้อมอุปกรณ์ครบชุด เครื่องบรรจุหีบห่อพร้อมอุปกรณ์ครบชุด ห้องเย็นพร้อมเครื่องทำความเย็น เครื่องปรับอากาศพร้อมอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ในโรงงานสายพานลำเลียงผลมะม่วงก่อนเข้าเครื่องอบไอน้ำขนาดต่างๆที่มีมูลค่า57,879,000 บาท แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2532 โดยไร้ประโยชน์ไม่เป็นไปตามนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรีและอยู่ในสภาพชำรุดเสียหายใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งร้างไว้ถึงปัจจุบันตั้งแต่บัดนั้นถึงปัจจุบันอาคารและอุปกรณ์เครื่องอบไอน้ำยังคงตั้งอยู่บนที่ดินสาธารณะสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ รวมทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรมีหนังสือที่ กษ1002/34 ลว.12 มีนาคม 2555ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่อ้างว่าถูกผู้นำท้องถิ่นและราษฎรคู่กรณีขัดขวางในขณะที่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรลงพื้นที่รับฟังความเห็นราษฎรราษฎรตำบลแม่เหียะ จนราษฎรตำบลแม่เหียะได้มีหนังสือทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรมลงวันที่ 10 มกราคม 2557 และ11 มีนาคม 2558 ให้ศาลปกครองได้โปรดเร่งดำเนินการไตร่สวนและพิจารณาออกคำบังคับคดีไปยังผู้ถูกฟ้องที่1(นายอำเภอเมืองเชียงใหม่)ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและให้กรมส่งเสริมการเกษตรคืนที่สาธารณะประโยชน์ที่พิพาทตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ฉบับที่ 4145/2515 ที่ดินเลขที่ 35 ระวาง 4 ต 2ฎ เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ 1 งาน 71 ตารางวา ออกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2515 ให้ประชาชนใช้ร่วมกันพร้อมทั้งส่งมอบอาคารสิ่งก่อสร้างทั้งหมดให้กระทรวงการคลังเพื่อที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลแม่เหียะและองค์กรชุมชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะได้ทำเรื่องขอใช้ประโยชน์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงต่อไปต่อมาศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีคำสั่งแจ้งให้ทั้งผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีทั้งนายอำเภอเมืองเชียงใหม่และกรมส่งเสริมรับทราบแล้วว่า“ศาลปกครองได้แจ้งเป็นคำสั่งให้คู่กรณีทราบแล้วเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาเพราะศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงจากการติดตามของสำนักคดีปกครองว่านายอำเภอเมืองเชียงใหม่ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่1)ได้ดำเนินการตามกฎหมายโดยแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 15 คน และสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่หน่วยงานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ย้ายออกจากที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนให้ประโยชน์ร่วมกันภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งแล้ว โดยหากครบกำหนดแล้วผู้ได้รับแจ้งไม่ดำเนินการตามแจ้ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จะพิจารณาตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปศาลปกครองจึงเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ดำเนินการตามคำสั่งศาลเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาแล้วจึงเห็นควรยุติการบังคับคดี

ร่วมแสดงความคิดเห็น