3 สถานที่ “ล่องแก่ง” สุดฮิปในภาคเหนือ

การล่องแก่งได้กลายเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเป็นเวลานานแล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยยังไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปสัมผัสมาก่อน สถานที่ล่องแก่งที่ขึ้นชื่อในภาคเหนือที่นักท่องเที่ยวนิยมไปล่องแก่งกันนั้นมีหลายที่ แต่ละที่ก็มีความยากง่ายไม่เหมือนกัน
วันนี้จะพาไปแนะนำ 3 สถานที่ล่องแก่ง ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปล่องแก่งมากที่สุดได้แก่ การล่องแก่งน้ำว้า จ.น่าน ซึ่งว่ากันว่ามีความยากในระดับ 4 ซึ่งต้องใช้ทักษะความสามารถในระดับสูง ลำน้ำว้าสายน้ำที่เชี่ยวกรากมีจุดกำเนิดมาจากเทือกเขาผีปันน้ำ บริเวณพื้นที่หมู่บ้านนากึ๋น ต.บ่อเกลือเหนือ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ไหลทอดตัวลัดเลาะลงสู่ทิศใต้ผ่าน 3 อำเภอ อันได้แก่ อ.สันติสุข ,อ.แม่จริม และอ.เวียงสา ไปบรรจบกับแม่น้ำน่านบริเวณ “สบว้า” เขต อ.เวียงสา รวมระยะทางประมาณ 120 กม. ซึ่งตลอดสองฟากฝั่งลำน้ำว้าแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์การล่องแก่งน้ำว้า แบ่งออกได้ 3 ช่วง ได้แก่ น้ำว้าตอนบน เริ่มตั้งแต่บ้านสปัน ไปสิ้นสุดที่บ้านสบมาง ผู้สันทัดกรณีเล่าว่า การล่องแก่งน้ำว้าตอนบนเป็นช่วงที่ยากลำบาก เนื่องจากสายน้ำเชี่ยวรุนแรง บางช่วงสายน้ำจะแคบและมีโขดหินเยอะ น้ำว้าตอนกลาง เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการล่องแก่งมากที่สุด เนื่องจากมีสภาพของเกาะแก่งตั้งแต่ระดับ 1 – 5 กว่า 100 แก่ง ตลอดลำน้ำ 80 กม. ซึ่งใช้ระยะเวลาในการล่อง 3 วัน 2 คืน ส่วนน้ำว้าตอนล่าง ถือเป็นจุดกำเนิดของการล่องแก่งน้ำว้า ระยะทางประมาณ 10 กม.ใช้เวลาในการล่องประมาณ 2 ชม.
ผ่านเกาะแก่งมากมาย ทั้งแก่งผักกูด แก่งเสือเต้นที่ว่ากันว่าเป็นไฮไลท์ของการล่องแก่งน้ำว้า แก่งใหม่ แก่งผาแดง แก่งสร้อย แก่งยาว จนถึงแก่งวังลูน ความตื่นเต้นในการผจญภัยเหนือสายน้ำตะวันออก แห่งลำน้ำว้าได้ผสมผสานกับสวยงามของธรรมชาติผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ แถบนี้ คุ้งน้ำขนาดใหญ่ ต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี แก่งหินหลากรูปทรงกระจายอยู่ทั่วไป อันนับเป็นความทรงจำในการเดินทางที่มิอาจประเมินค่าได้

การล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่แพ้กัน ลำน้ำเข็กในบริเวณพื้นที่ป่าของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เต็มไปด้วยลำธารน้อยใหญ่ไหลผ่านลงมาเป็นแก่งน้ำและน้ำตกหลายสาย ลำน้ำสายสำคัญคือ คลองวังทอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายใหญ่ที่สุด เกิดจากลำน้ำเข็กใหญ่และลำน้ำเข็กน้อยไหลมารวมกัน เป็นจุดกำเนิดของน้ำตกและแก่งหินที่สวยงามที่สุดอยู่หลายแห่ง เช่น น้ำตกแก่งโสภา น้ำตกสกุโณทยาน น้ำตกแก่งซอง รวมถึงแก่งวังน้ำเย็น จึงทำให้ที่นี่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมล่องแพ
ขณะที่การล่องแพในลำน้ำปาย จ.แม่ฮ่องสอน ก็มีความน่าสนใจและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย ลำน้ำปายเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดแม่ฮ่องสอน กำเนิดมาจากตาน้ำบนทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขาแดนลาวในเขตอำเภอปาย ก่อนจะไหลลงสู่ทิศใต้ผ่าน 3 อำเภอ อันได้แก่ อ.ปาย ,อ.ปางมะผ้า และอ.เมือง ไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวินในเขตรัฐคะยา ประเทศพม่า รวมระยะทางประมาณ 180 กม.
แก่งแม่น้ำปาย มีความยากระดับ 3 – 4 ตัวเลขที่บอกไว้เป็นเกณฑ์แบ่งความยากง่ายของสายน้ำ หมายถึง สายน้ำค่อนข้างแรง มีแก่งมาก ต้องใช้เทคนิค ฝีมือและการพาย รวมถึงต้องระมัดระวังในการล่องแก่งพอสมควร บริเวณสบแม่น้ำปาย ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำของไหลมารวมกับแม่น้ำปายความสวยงามของธรรมชาติแถบนี้ คุ้งน้ำขนาดใหญ่ ต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี แก่งหินหลากรูปทรงกระจายอยู่ทั่วไป ก่อนจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ในช่วงสุดท้ายของการล่องเรือนี้มีอยู่แก่งหนึ่งชื่อว่า “ปายกีด” เป็นหินผาสูงชัน น้ำปายเลื้อยไหลไปตามซอกผา ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ไฮไลท์ของการล่องแพอยู่ที่แก่งนี้เอง ความพิเศษของแก่งนี้คือมีลักษณะเป็นช่องแคบบีบให้ลำน้ำเล็กลงด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ที่ระเกะระกะ ส่งผลให้กระแสน้ำในแก่งเชี่ยวกรากกิจกรรมการล่องแก่ง ล่องแพยาง นับเป็นกิจกรรมสุดท้าทาย เป็นการผจญภัยไปกับสายน้ำอิสระ ดังนั้นการท่องเที่ยวในมิติใหม่ มุมมองใหม่ จึงมุ่งเน้นเรื่องความเข้าใจในพื้นที่ ๆ ไปเยี่ยมชม ดังนั้นการสื่อความหมายให้ความรู้ในแหล่งท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความจำเป็น เพราะก่อให้เกิดคุณค่าในการท่องเที่ยว คือนอกจากจะรู้และเข้าใจในพื้นที่ ๆ ไปเยี่ยมชมแล้ว ยังก่อให้เกิดความตระหนัก รัก และหวงแหนในแหล่งท่องเที่ยวนั้นอีกด้วย
บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น