วิทยาลัยนาฎศิลปเชียงใหม่ ถวายเทียนเข้าพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนจำนวน 9 วัด

ดร.กษมา ประสงค์เจริญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฎศิลปเชียงใหม่ และคณะผู้บริหารวิทยาลัยฯ อาจารย์ที่ปรึกษา นักเรียน – นักศึกษา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน นำเทียนเข้าพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนถวายวัดต่างๆ จำนวน 9 วัด ประกอบด้วยวัดยางกวง วัดเมืองมาง วัดธาตุคำ วัดดาวดึงส์ วัดพวกเปีย วัดนันทาราม วัดศรีสุพรรณ วัดหมื่นสาร วัดฟ่อนสร้อย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 บรรยากาศเต็มไปด้วยความรักสามัคคีของบรรดาเหล่า นักเรียน นักศึกษา ของวิทยาลัยของเราประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงค์เถรวาทจะอธิฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า จำพรรษา (“พรรษา” แปลว่า ฤดูฝน, “จำ” แปลว่า พักอยู่) พิธีเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงค์โดยตรง ละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามการเข้าพรรษาตามปกติเริมนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน)และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา
สาเหตุที่พระเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงค์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงค์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย
อัตลักษณ์ : การที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝน ที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการพิจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และการหล่อเทียนพรรษาของประชาชนเพื่อถวายแก่พระสงฆ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งสมัยก่อนใช้จุดเพื่อแสงสว่าง เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า เรียกว่า “ตามประทีป” เพื่อศึกษาหรือบำเพ็ญเพียรสมาธิในสถานที่มืด ถือว่าได้รับอานิสงส์ ทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะได้ธรรมะจากกิจกรรมและได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ความสำคัญและคุณค่าทางสังคม จิตใจ วิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน : พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ เช่น การทำบุญตักบาตร หล่อเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข และมีโอกาสได้ฟังธรรมเทศนาตลอดเวลาเข้าพรรษาเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งการหล่อเทียนพรรษานั้นเป็นประเพณีที่สัมพันธ์ และเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่เป็นพุทธบัญญัติ คือ การเข้าพรรษา ซึ่งพระพุทธเจ้าบัญญัติให้พระสงฆ์ต้องอยู่จำพรรษาตลอดเวลา 3 เดือน ในช่วงฤดูฝน ต่อมาจึงมีการถวายสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการอยู่พรรษา เช่น ผ้าอาบน้ำฝน เทียนพรรษา

ร่วมแสดงความคิดเห็น