ได้คืนแล้ว หลังโพสต์ประจานโจรขโมยหมวกกันน็อค จนสุดท้ายคนร้ายละอาย แอบนำมาวางคืนกลางดึก

วันที่ 24 ก.ค. 62 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่วานนี้ (23 ก.ค.62) บนโลกโซเชียล ได้มีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์กันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งชื่อว่า “Kajaep Lovelylndy” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ และคลิปเหตุการณ์กรณีที่ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30-35 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ได้ก่อเหตุขโมยหมวกกันน็อค ขณะที่เจ้าตัวได้ถอดทิ้งไว้กับรถจักรยานยนต์เพื่อเข้าไปทำงาน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในละะแวกทางเข้ากองบิน 41 อำเภอเมืองเชียงใหม่ ช่วงกลางวันแสกๆ และแม้ว่าในที่เกิดเหตุจะมีกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพของชายคนดังกล่าวได้อย่างชัดเจนก็ตาม แต่ผู้ก่อเหตุก็กลับไม่สะทกสะท้าน จนกระทั่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และแชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นไปอย่างกว้างขวาง ตามที่ปรากฎข้อมูลบนโซเชียลไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้หลังจากที่มีการโพสต์ข้อความ และเรื่องราวดังกล่าวผ่านไปได้เพียง 1 วัน ปรากฎว่าในขณะนี้เจ้าของโพสต์ดังกล่าว ได้มีการโพสต์ข้อความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อทางคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ ได้มีการนำทรัพย์สินคือหมวกกันน็อค ที่ได้ก่อเหตุขโมยไปแล้วนั้น นำกลับมาวางคืนไว้ในที่เกิดเหตุในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
โดยทางเจ้าของโพสต์ระบุภาพถ่าย พร้อมกับข้อความในโพสต์ว่า “ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันไลค์ ช่วยกันแชร์ ตอนนี้ได้หมวกคืนแล้ว ที่จริงบ่กึดว่าจะได้ได้หมวกคืน แต่ตั้งใจจะโพสเตือนทุกคน หื้อระวังไว้สิ่งของของตัวเก่าหื้อดีและหื้อเจ้าตัวรู้ คนที่เอาหมวกไปรู้ว่าที่ทำมันบะดีตี้เอาของคนอื่นไป ขอบคุณพลังโซเซียลจ้าว เหตุเกิดวันที่ 22/07/19 เวลา 8.00 น. เขาเอามาคืนประมาณตอนตี 4 เช้า วันที่ 24/07/19”
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คาดว่าทางผู้ก่อเหตุน่าจะเห็นโพสต์และข้อความที่ถูกแชร์ เผยแพร่บนโลกโซเชียล จนทำให้ทนกับกระแสกดดันไม่ไหว ประกอบกับสำนึกผิดและกลัวว่าทางเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามเบาะแสจับกุมตัวได้ เนื่องจากโพสต์ดังกล่าวนั้น มีภาพและรูปพรรณของคนร้ายขณะก่อเหตุที่สามารถบันทึกไว้ได้อย่างชัดเจน จึงตัดสินใจนำทรัพย์สินที่ได้ก่อเหตุขโมยไปกลับมาคืนกลางดึกที่ผ่านมา โดยทางหญิงสาวเจ้าของโพสต์ ก็ได้มีการขอบคุณทางผู้ที่แชร์เรื่องราวดังกล่าวออกไป และเพื่อเป็นการเตือนภัย เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น