ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสนกลับไทยแล้ว หลังถูกเรียกค่าไถ่ฝั่งลาว

เมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 1 ส.ค. นี้ ที่ด่านพรมแดนเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันขัาม อ.เชียงของ จ.เชียงราย ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พร้อมด้วย นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน นายทัศนัย สุธาพจน์ นายอำเภอเชียงของ พ.ต.อ.ชาญชัย เชาว์เกษม รอง ผบช.ตม.5 สภ.เชียงแสน ตชด.217 ตำรวจน้ำ ฝ่ายปกครอง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ศปปข.(ส่วนหน้า) ทหารกองกำลังผาเมือง ฯลฯ ได้เดินทางไปยังเมืองห้วยทราย เพื่อรับตัวนายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน อ.เชียงแสน จากกรณี ถูกคนร้ายอุ้มลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท ที่ฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตรงข้าม อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งทางการสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ให้การช่วยเหลือพร้อมให้การดูแลที่เมืองห้วยทราย เมืองเอกของแขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้ามอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กลับมาแล้วอย่างปลอดภัย โดยมีนางศรีวรรณ วงศ์ใหญ่ ภรรยา น.ส.รสริน วงศ์ใหญ่ บุตรสาว และนายประภาส วงศ์ใหญ่ บุตรชายของนายสิงห์แก้วพร้อมด้วยญาติต่างเดินทางไปรอรับด้วยความดีใจ
ด้านนายสิงห์แก้ว ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนด้วยความดีใจที่ให้การช่วยเหลือตนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ยังมีอาการเพลียและมีอาการป่วยที่พึ่งหายจากเส้นเลือดสมองตีบ และมีอาการบาดเจ็บตรงขาขวา ซึ่งทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของจะได้ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป เบื้องต้นพบว่านายสิงห์แก้วมีสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่ โดยมีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาและร่องรอยหญ้าหรือวัชพืชบาดตามตัวช่วงที่หลบหนีการถูกคุมขังจากกลุ่มคนร้าย
ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ กล่าวว่าการช่วยเหลือนายสิงห์แก้วครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ ด้วยการที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ฯลฯ ร่วมมือกันทุกฝ่ายรวมทั้งอาศัยความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-สปป.ลาว ทั้งระดับส่วนกลางและท้องถิ่นโดยเจ้าแขวงบ่อแก้วที่ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี กระนั้นในส่วนของการสืบสวนคดีความนี้ก็คงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทางญาติได้แจ้งความเอาไว้ที่ สภ.เชียงแสน แล้ว ส่วนทาง สปป.ลาว นั้นก็จะมีการสืบสวนคลี่คลายคดีต่อไปโดยทางการไทยยินดีจะให้ความร่วมมือในการจัดส่งข้อมูลให้ต่อไปโดยเบื้องต้นยังไม่ได้มีการขอข้อมูลใดเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.อ.ชาญชัย กล่าวว่าทาง ผบช.สตม.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างเต็มที่และหลังจากเหตุการณ์นี้แล้วนี้ทางเจ้าหน้าที่ทั้งไทย-สปป.ลาว ก็ยังคงมีความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ด้านกิจการชายแดนโดยมีการจัดประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่องและคงจะมีการหยิบยกประเด็นนี้เข้าไปหารือด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อไปทำให้ประชาชน นักธุรกิจหรือนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถมั่นใจได้ว่าชายแดนด้านนี้มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
ทั้งนี้การร่วมมือ ระหว่างคณะประสานงานชายแดนของฝั่งไทย และ สปป.ลาว ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง ของการประสานงานชายแดนในระดับพื้นที่ ของฝ่ายทหาร ตำรวจ ศาลปกครอง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายความร่วมมือกันต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ 12 ด่าน ซึ่งจะนำความสำเร็จและความร่วมมือนี้ มาใช้เป็นแนวทางในการประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย และหน่วยงานด้านความมั่นคงของต่างประเทศ เพื่อร่วมกันหยุดยั้งภัยคุกคามจากอาชญากรรมทุกรูปแบบ ตามนโยบายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น