ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง เผยผลการตรวจสอบ ยาเสพติดห่อพลาสติกใสทำเป็นแผ่น

ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง เผยผลการตรวจสอบยาเสพติดห่อพลาสติกใสทำเป็นแผ่น จาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบเป็นโคเคนน้ำหนักรวม 5.3 กิโลกรัม และถือว่าพบโคเคนในครั้งแรกในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 62 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำตรวจ สภ.แม่สาย จับกุมตัวผู้ต้องหาเป็นหญิงสาวชาวเมียนมา ได้ในโรงแรมแม่สาย ต.เวียงพาคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมเสื้อกันหนาว จำนวน 8 ตัว ซึ่งมีน้ำหนักมากผิดปกติ เมื่อตรวจสอบดูเบื้องต้น พบว่าภายในเสื้อมีวัตถุต้องสงสัย ลักษณะเป็นแผ่นแบน ๆ  ซุกซ่อนอยู่ จึงได้ทำการกรีดตามตะเข็บเสื้อ ก็พบวัตถุลักษณะสีขาวขุ่นบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จึงนำมาทำการทดสอบด้วยน้ำยาตรวจสอบสารเสพติดเบื้องต้น และพบว่ามีผลเป็นสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน จึงคุมตัวหญิงชาวเมียนมาคนดังกล่าว และของกลางส่ง พงส.สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุดวันที่ 21 ส.ค. 62 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้นำของกลางทั้งหมด ส่งตรวจสอบ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ต.เวียงเหนือ อ.เมืองลำปาง เพื่อหาชนิดยาเสพติดว่าเป็นชนิดไหน โดยในเบื้องต้นได้ใช้น้ำยาตรวจสอบสารเสพติดของ ป.ป.ส. และตรวจด้วยเครื่องตรวจสารเสพติดในห้องปฏิบัติการฯ โดยมี พล.ต.ต.สันติ์ สุขวัจน์ ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่

พล.ต.ต.สันติ์ สุขวัจน์ ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 เปิดเผยว่า หลังจากที่ นักวิทยาศาสตร์ กลุ่มงานตรวจยาเสพติด ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำของกลางเป็นยาเสพติด มีลักษณะคล้ายดินเหนียว ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสและรีดเป็นแผ่นบาง ๆ จำนวนหลายแผ่น น้ำหนักรวม 6.7 กิโลกรัม ซึ่งผลการตรวจปรากฏว่าเป็นยาเสพติด ชนิดโคเคน ถึง 5.3 กิโลกรัม ไม่ใช่ยาบ้าแผ่นแต่อย่างใด ส่วนน้ำหนักที่ขาดหายไปประมาณ 1 กิโลกรัมกว่า ๆ นั้น เป็นสิ่งของที่ห่อหุ้มและบรรจุยาเสพติดที่มีหลายชั้น

ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ยังกล่าวอีกว่า การตรวจยึดโคเคนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 โดยปกติแล้วโคเคนมักจะมาในรูปลักษณะของผงสีขาว คาดว่ากลุ่มลักลอบขนยาเสพติด น่าจะใช้วิธีนำโคเคนละลายน้ำ ห่อหุ้มด้วยสารบางอย่างคล้ายกับน้ำมัน เพื่อให้โคเคนจับตัวกัน จากนั้นนำมาห่อด้วยพลาสติกหลาย ๆ ชั้น และทำกดทับให้แบนเป็นแผ่น ๆ จากนั้นนำมาซุกซ่อนภายในลำตัว และสวมเสื้อทับอีกชั้น เพื่อหวังตบตาเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายไม่รอด