แม่ทัพน้อยที่ 3 นำทุกภาคส่วนวางพวงมาลารำลึกวีรกรรมนักรบผู้เสียสละ ณ ค่ายเม็งรายมหาราช

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2562 ที่ลานผู้กล้า อนุสาวรีย์ผู้เสียสละ ค่ายเม็งรายมหาราช ข้าราชการทุกหน่วยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อดีตผู้บังคับปัญชาค่ายเม็งราย ตลอดจน อดีตนักรบผู้กล้า องค์การทหารผ่านศึกและองค์กรภาคเอกชน ร่วมวางพวงมาลาในกิจกรรมวันรำลึกถึงวีรกรรมนักรบผู้กล้า ค่ายเม็งรายมหาราช โดยมี พลโทสุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นประธาน นำวางพวงมาลาและกล่าวสดุดี ถึงวีรกรรมนักรบผู้กล้า ทั้งนี้ในพิธีได้จัดประกอบพิธีทางพุทธศาสนา มีพระสงฆ์ 9 รูป ประกอบพิธีทางศาสนาเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่นักรบผู้กล้าผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในการรบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ในอดีตจากสถานการณ์ก่อการร้ายในจังหวัดเชียงราย ซึ่งในปีพุทธศักราช 2497 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้ส่งผู้ปฏิบัติงานจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าสู่ ภาคเหนือ เพื่อแสวงหาแนวร่วมพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเขาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน จังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน (รวมทั้งพื้นที่ชายแดนจังหวัดพะเยา บางส่วนในปัจจุบัน) ภายหลังจากสามารถปลุกระดมชาวเขาได้ในบางพื้นที่ ในปีพุทธศักราช 2507 ได้คัดเลือกส่งไปอบรมวิชาการเมืองการทหาร รุ่นแรกที่เมืองฮัวมินห์ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อกลับมาเตรียมงานในพื้นที่ไว้รอรับสมาชิก พคท. ซึ่งได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่จังหวัดเชียงราย ในปีพุทธศักราช 2509 เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการชี้นำด้านการเมือง และการทหาร
เมื่อสามารถขยายเขตงานได้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง พคท.จึงเปิดฉากการต่อสู้ด้วยอาวุธกับเจ้าหน้าที่ในภาคเหนือขึ้นเป็นครั้งแรก ที่บ้านน้ำปาน ตำบลนาไร่หลวง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2501 ซึ่งถือว่าเป็นวัน “เสียงปืนแตก” ของ พคท.ในเขตภาคเหนือ จากนั้นได้ขยายการต่อสู้เรื่อยมา โดยในวันที่ 9 พ.ค. 2501 ได้มีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลที่บ้าน ห้วยชมพู ต.ยางฮอม อ.เทิง จ.เชียงราย (เป็นครั้งแรกในเขตพื้นที่ดอยยาว – ดอยผาหม่น) ภายหลังการสู้รบสงบลง จึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ผู้เสียสละขึ้นภายในค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง เชียงราย และกำหนดให้ทุกวันที่ 5 กันยายนของทุกปีเป็นวัน “ผู้เสียสละ” เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันห้าวหาญของบรรดาเหล่านักรบผู้กล้า และให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ทราบถึงวีรกรรมเหล่านักรบผู้กล้าที่ต้องเสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้อยู่อาศัยตราบจนทุกวันนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น