ตำรวจลำปาง ตามไล่ล่าสกัดรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ หนีข้าม 3 อำเภอ

เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 18 กันยายน 2562 ศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธร จ.ลำปาง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ถูกรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 82-1966 สุโขทัย เชี่ยวชนรถตัวเองจนพังเสียหายแถบฝั่งขวาเกือบทั้งแถบ โดยผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิง 2 คน พยายามขับรถติดตามคู่กรณี ซึ่งเป็นรถบรรทุกพ่วงที่ขับหลบหนี เหตุเกิด บริเวณถนนพหลโยธิน ขาเข้าลำปาง-เขต ต.สบปราบ อ.สบปราบ  หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งประสานไปยัง สภ.สบปราบ ให้สกัดรถคันดังกล่าว แต่ทว่าคนขับได้ขับรถอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามไม่ทัน จากนั้นจึงประสาน ตำรวจ สภ.เกาะคา ให้ตั้งด่านสกัดที่จุดตรวจหลังเทิน ต.นาแส่ง ปรากฏว่า

รถพ่วงคันที่ก่อเหตุได้แหกด่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วขับหายไปในเส้นทางลัดเลาะในหมู่บ้าน จากนั้นได้มีการประสานไปยัง สภ.ต่างๆในเส้นทาง ไม่ว่าจะ สภ.เขลางค์นคร สภ.เมืองลำปาง ได้ตั้งด่านสกัดตามแยกสำคัญๆ จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 20 นาที รถพ่วงคันที่ก่อเหตุได้ขับรถขึ้นถนนสายหลักอีกครั้ง และเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เกาะคา ที่เฝ้าระวังเส้นทาง เห็นอีกครั้งและพยายามส่งสัญญาณให้จอดรถ แต่คนขับรถพ่วงไม่ยอมจอด ได้ขับฝ่าด่านมาเรื่อยๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ขับรถไล่ตามมาติดๆ แต่ไม่สามารถที่จะหยุดรถคันที่ก่อเหตุได้ เพราะรถคันใหญ่และขับเร็วไม่ยอมจอด จนกระทั่งผ่านเข้ามาเขตพื้นที่ อ.เมืองลำปาง พื้นที่ สภ.เขลางค์นคร บริเวณทางแยกบ้านฟ่อน หมู่ 2 ต.ชมพู
เจ้าหน้าที่ ตำรวจได้บังคับสัญญาณไฟจราจรให้เป็นไฟแดง จังหวะนั้นมีรถบัสโดยสารวิ่งมาจอดช่องทางถนนพอดี ทำให้รถพ่วงคันที่ก่อเหตุชะลอรถ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือรถที่จอดขวางไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน จากนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับคันขับรถพ่วง ซึ่งคนขับเป็นชายอายุระหว่าง 55-60 ปี อยู่ในอาการเหมือนคนเมา พูดจาสับสน ไม่ยอมให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ในการขอตรวจสอบ โดยพยายามจะเร่งเครื่องหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดกุญแจรถเพื่อความปลอดภัย จากนั้นใช้เวลาในการพูดเกลี้ยกล่อมคนขับ ประมาณ 15 นาที คนขับจึงยอมลงจากรถแต่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว อ้างว่าตนเองไม่ได้กระทำผิดอะไร จะมาตรวจค้นไม่ได้และจะคุยกับ เจ้ เจ้าของรถเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวไปยังข้างถนนที่ปลอดภัย และทำการตรวจสอบ และรอคู่กรณีที่เป็นรถยนต์เก๋ง
สักพักคู่กรณีที่เป็นรถยนต์เก๋งได้มายังที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมีการพูดต่อว่าคนขับรถพ่วงที่ชนรถยนต์เก๋งของตนเอง แล้วขับหนีไม่ยอมมาชดใช้ โชคดีที่ขณะเกิดเหตุยังมีสติประคองรถจอด โดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างได แต่สภาพรถด้านขวาพังทั้งแถบ จึงจดจำรถพ่วงที่ก่อเหตุแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยสกัดจับ เบื้องต้นเจ้าหน้าทีได้ควบคุมตัวคนขับรถพ่วง ตรวจสารเสพติดในร่างกาย และเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์อย่างละเอียดอีกครั้ง และส่งตัวให้ ตำรวจ สภ.สบปราบ เพื่อเจรจาตกลงค่าเสียหายรถคู่กรณีต่อไป สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ รถพ่วงได้ก่อเหตุและขับหลบหนีไปถึง 3 อำเภอ ระยะทางกว่า 50 กม.โชคดีที่ไม่เกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก

ร่วมแสดงความคิดเห็น